ไม่ควรเป็นของใหม่ ‘กรกิจ’ พระพุทธรูปที่ลาวขุดพบ ชี้จุดสังเกตฝีมือช่างพิสดารเกินปัจจุบัน

Author:

ไม่ควรเป็นของใหม่ ‘กรกิจ’ พระพุทธรูปที่ลาวขุดพบ ชี้จุดสังเกตฝีมือช่างพิสดารเกินปัจจุบัน เผยในโลกมีการพบประติมากรรมโลหะที่จมน้ำแล้วยังอยู่ดีไม่บุบสลายอยู่มาก

จากกรณี สปป.ลาว รายงานข้อมูลว่ามีการพบพระพุทธรูปและวัตถุโบราณหลายชิ้น ภายในหาดทรายกลางแม่น้ำโขงฝั่งเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ตรงกันข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย คาดว่าเป็นบริเวณวัดเก่าแก่และเมืองเก่าสมัยอาณาจักรสุวรรณโคมคำในยุคนับพันปีก่อน การค้นพบเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 มี.ค. โดยเรื่องราวดังกล่าวมีคนออกมาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก

เช่นเดียว เฟซบุ๊ก Kornkit Disthan หรือ กรกิจ ดิษฐาน นักเขียนด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมตะวันออก ออกมาให้ความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวว่า ไม่ได้เขียนซะนานเลย กะว่าจะเขียนตั้งแต่เขาเจอพระที่เมืองต้นผึ้งใหม่ ๆ ก็ยังไม่มีเวลา ตอนนี้เจอ “พระเจ้าตนหลวง” ขนาดใหญ่โตขุดได้จากริมโขง ใบหน้าทรวดทรงงามเสียจนผมว้าวในใจ

แต่เกิดวิวาทะเรื่อง “พระเก่าพระใหม่” ขึ้นมา บางคนก็ว่า “หน้าจีน” (เพราะคิดว่าจีนมีส่วนเนื่องจากแถวนั้นมี “นิคมจีน” อยู่ไม่ไกล)

ก่อนอื่นพระองค์ล่าสุดที่เจอนั้นหน้าไม่จีนหรอกครับ ถ้าคุ้นพุทธศิลป์ลาวก็จะรู้ว่าคล้ายไปทางพระลาว แต่บางท่านก็ว่าผสมเชียงแสน ซึ่งแม้ว่าผมไม่ถนัดจะฟันธงเรื่องนี้ แต่โดย “ความรู้สึกส่วนตัว” คิดว่าออกไปทางพุทธศิลป์ลาว

ส่วนพระเก่าพระใหม่ตอนแรกผมก็เอะใจ เพราะกะด้วยสายตาตอนแรกสงสัยว่าทำไมองค์ใหญ่ขนาดนี้ถึงได้หล่อได้ตลอดองค์ ซึ่งต่างไปจากพระโบราณที่จะหล่อแยกเป็นชิ้น ๆ แล้วต่อเป็นองค์ด้วยลิ่มบ้างหรือด้วยหมุดบ้าง

แต่ต่อมาได้เห็นชัด ๆ ว่าพระที่เพิ่งขุดเจอนั้นเต็มไปด้วยรอยต่อและลิ่ม ผมจึงเชื่อว่า “นี่ทำใหม่ยากแล้ว” อีกทั้งพุทธศิลป์ขององค์นี้งามหมดจดมาก ทั้งฐานพระก็พิสดารเกินฝีมือช่างปัจจุบัน ผมจึงเชื่อว่า “ไม่ควรจะเป็นของใหม่”

เห็นแล้วผมนึกถึงพระโบราณที่ผมไปไหว้อยู่บ่อย ๆ คือ “หลวงพ่อพระร่วงทองคำ” พระสมัยสุโขทัย ที่วัดมหรรณพาราม กรุงเทพฯ เดิมท่านอยู่ศรีสัชนาลัย แต่ชลอมาไว้เมืองหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3

หลวงพ่อท่านขนาดน่าจะเท่ากับหลวงพ่อที่เจอที่ต้นผึ้ง ใหญ่เล็กกว่ากันไม่เกินศอก แต่ท่านหล่อจากทองคำเปล่งปลั่ง 60% หลังจากที่ทางวัดเคลียร์พระวิหารอยู่หลายปีก่อน ผมค่อยเข้าไปดูหลังองค์ได้ จึงเห็นกับตาว่า องค์พระมีรอยต่อทั้งองค์ ที่ไหล่นั้นมีหมุดตอกไว้ รวมแล้ว 9 จุดรอยต่อ

ผมถ่ายภาพแล้วอธิบายไว้อย่างที่เห็นแหละครับ แต่นี่แค่ครึ่งองค์ รอยต่อกลางบั้นเอวนั้นยาวรอบเหมือนองค์ที่พบที่ต้นผึ้ง เพียงแต่ที่ต้นผึ้งต่อด้วยลิ่ม ที่กรุงเทพฯ ต่อด้วยหมุด

ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมหลวงพ่อที่เจอที่ต้นผึ้งพระไม่ผุ อันนี้ตอบยากเพราะไม่ถนัดโลหะวิทยา แต่ในโลกเรามีการพบประติมากรรมโลหะที่จมน้ำแล้วยังอยู่ดีไม่บุบสลายอยู่มากมาย แม้แต่ในไทยก็มีไม่น้อยเหมือนกัน

ผมว่าผมจะไม่กล้าฟันธงอะไร เพราะยังไม่เห็นกับตา และยังไม่ได้ไปที่เกิดเหตุ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้การค้นพบนี้มีน้ำหนักคือการพบ “เสาวิหาร” ที่มีลายปูนปั้นแบบล้านนาโบราณ

ก่อนที่จะพบเสานั้น มีการพบพระล็อตแรก ๆ ที่พบริมโขง ตอนแรกผมก็สงสัยว่า “คนในวงการปลอมพระเล่นตลกอะไรอีกหรือเปล่า?” แต่พอเห็นเสาต้นนั้นกับพระธาตุเจดีย์ที่มีแผ่นจังโก (ทองแดงหุ้มพระธาตุ) ผมก็หมดสงสัย

อีกเรื่องที่น่าวิเคราะห์ก็คือ จุดที่พบนั้นคือจุดไหนในประวัติศาสตร์?

บางคนบอกว่า “นั่นคือดอนแท่น” สถานที่ตั้งวัดวาอารามสำคัญสมัยเชียงแสน รวมถึงที่ตั้งของพระล้านตื้อ (ที่พบแต่พระเมาลีอันใหญ่โต และบางคนเริ่มโยงว่าพระใหญ่ที่ต้นผึ้งจะเป็นพระเจ้าล้านตื้อหรือเปล่า?)

แต่ที่ตั้งของดอนแท่นนั้นเป็นปริศนา แม้แต่คนท้องถิ่นก็ยังตกลงกันไม่ได้ นักวิชาการที่เขียนเรื่องพระเจ้าล้านตื้อยังได้แค่สันนิษฐาน

ผมคนนอกพื้นที่จึงได้แต่ฟังเขาวิเคราะห์ ไม่สามารถสู่รู้เกินผู้รู้ได้ แต่ก็ได้อ่านงานวิจัยชิ้นหนึ่งเรื่อง “ดอนแท่น ปริศนาที่เชียงแสน” โดย ฉัตรลดา สินธสอน ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน (วารสารศิลปากร ปีที่ 57 ฉบับที่5) งานวิจัยนี้ไล่เรียงประวัติศาสตร์และการสันนิษฐานที่ตั้งของเกาะดอนแท่นได้รัดกุมดีมาก

ที่ดีมากอีกอย่างคือมีภาพแผนที่เก่าประกอบให้เห็นด้วยว่า เกาะดอนแท่นนั้นเคยอยู่กลางแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับ สภอ.เชียงแสน แต่ตอนนี้หายไปแล้ว บางครั้งเรียกว่า “เกาะดอนแห้ง” ส่วนจุดที่พบพระพุทธรูปที่ฝั่งต้นผึ้ง ผมกะดูแล้วควรจะเป็น “หาดเกาะหลวง” ในแผนที่นี้เป็นแค่หาดทราย ตอนนี้กลายเป็นเกาะจริง ๆ ไปแล้ว

บางทีพระต่าง ๆ และพระวิหารเจดีย์ที่ขุดเจออาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเกาะดอนแท่นก็ได้ แล้วกระแสน้ำพัดไปตกที่ฝั่งหาดเกาะหลวงที่แต่ก่อนอยู่ประชิดกันช่วยกันวิเคราะห์ครับ เพราะผมก็ไม่รู้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *