เชอรีน เดอะสตาร์ หรือ เชอรีน ณัฐจารี เปิดใจทั้งน้ำตาหลังเข้าแจ้งความ ที่ สน.ทองหล่อ พร้อมทนายแก้ว มนต์ชัย กรณีถูกอดีตสามีทำร้ายร่างกาย และหลังเลิกรายังตามข่มขู่คุกคาม ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยกับตัวเองและลูกสาว
เชอรีน : “วันนี้มาแจ้งความเนื่องจากถูกทำร้ายร่างกาย และถูกคุกคาม ตั้งแต่แต่งกันจนมีลูกด้วยกัน ถูกทำร้ายทั้งหมด 4 ครั้ง เขาเริ่มทำร้ายตั้งแต่คลอดลูก ครั้งแรกมีการทะเลาะกัน มีอาการมึนเมา ตนถูกตบเข้าที่หน้าหลายครั้ง
ครั้งแรกค่อนข้างรุนแรงมากเหมือนกัน แต่เหตุการณ์ครั้งสุดท้ายเขาตบหน้าเราถึง 10 ครั้ง ตอนเชอรีนนอนอยู่บนเตียง เขานั่งอยู่ข้างๆ เขาก็บอกว่าตอบสิ เรารู้แล้วว่าถ้าเกิดตอบโต้มันจะรุนแรงขึ้นเพราะที่ผ่านมาเราเคยต่อสู้มา มันรุนแรงขึ้น และหนักขึ้น เราเลยอยู่เฉยๆ เขาก็ตบไปเรื่อยๆ”
ที่ผ่านมาทำไมไม่ยอมแจ้งความ?
เชอรีน : “อยากประคองความเป็นครอบครัว จริงๆแล้วตนไม่อยากเป็นข่าว เพราะมันกระทบถึงลูก แต่รู้สึกว่าเขาคุกคามเราเรื่อยๆ และรู้สึกไม่ปลอดภัยแล้ว(เสียงสั่นเครือน้ำตาไหล)”
ทุกครั้งที่เขาาทำร้ายร่างกายเขามีสติไหม?
เชอรีน : “เมาทุกครั้ง ทุกครั้งที่ทำร้ายร่างกายเรา แล้วพอเขาได้สติเขาก็จะบอกว่าเขาทำไปเพราะความเมา เขาขอโทษเขาขาดสติเขาจะไม่ทำอีก”
“ครั้งแรกที่เขาทำร้ายร่างกายเราช่วง เดือน พ.ค. ปี65 ครั้งที่สอง เดือน ก.ค. ปี65 ครั้งที่ 3 เดือน เม.ย.ปี 66”
มีหลักฐานที่เป็นคลิปและภาพทั้งหมดใช่ไหม?
เชอรีน : “ใช่ค่ะ”
ทนายแก้ว: “มีแชทข้อความในการพูดคุยกัน และมีคลิปเสียงต่างๆ ส่วนเรื่องของการเจรจา มีเก็บไว้เป็นหลักฐานครับ”
สาเหตุเกิดจากอะไร?
เชอรีน : “เกิดจากความหึงหวง เขาเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรงและหึงมาก เวลาปกติที่ไม่ได้มีอาการมึนเมาก็เป็นคนที่หึงหวงรุนแรงอยู่แล้ว เป็นคนที่ใช้คำพูดที่รุนแรงอยู่แล้ว พอบวกกับอาการมึนเมา เขาก็จะลงมือหนักขึ้น”
“สาเหตุที่ทำให้เขาเกิดอาการหึงหวงส่วนใหญ่จะเป็นเพราะเกิดความเข้าใจผิดกัน บางครั้งมีรุ่นน้องหรือเพื่อนทักมาหา เขาก็ไม่พอใจที่คุยกัน เราก็อธิบายและให้ดูแชทเพราะเราบริสุทธิ์ใจ แต่เขาไม่โอเค”
ครั้งแรกที่เราถูกทำร้ายได้มีการคุยกันไหม?
เชอรีน : “มีคุยกับแม่ เขามากราบขอขมาแม่ ขอขมาหนู และคุยกันว่าจะไม่ทำอีก ทุกครั้งมีการสัญญาเกิดขึ้นมีการพูดคุยกันทุกครั้ง แต่ยังทำอยู่ เราคิดว่าจะหยุดไหมพอไหม แต่เราก็ไม่อยากทำให้ครอบครัวแตกแยก”
ตอนที่ถูกทำร้ายร่างกาย ลูกเราอยู่ด้วยไหม?
เชอรีน : “อยู่แต่อยู่กันคนละห้อง เขาไม่เคยทำร้ายร่างกายลูก ช่วงที่ทำร้ายร่างกาย มีแผล ตอนลูกยังเล็กมากเขาไม่รู้เรื่อง ที่ตัดสินใจแยกทางกับเขา เพราะเราเป็นห่วงชีวิตน้องแล้ว ในวันที่ถูกตบหน้าหลายครั้ง เชอรู้สึกได้ว่า ถูกคุกคามถึงขั้นที่ว่า ไม่รู้ว่าจะถึงกับเสียชีวิตไหม”
“วันนั้นเลยวิ่งเท้าเปล่าออกมาหลังบ้าน มีแค่โทรศัพท์ติดตัว กลัวว่าถ้าเกิดเราออกมาจากทางหน้าบ้านเขาจะได้ยินเสียง และก็โทรหาเพื่อนที่อยู่ละแวกนั้นเพื่อจะหนีออกมา ส่วนลูกตอนนั้นอยู่กับพี่เลี้ยงอีกห้องหนึ่ง เรารู้ว่าเขาไม่ทำอะไรลูก ลูกน่าจะปลอดภัย ตอนนี้ลูกอยู่กับเรา”
ส่วนใหญ่เขาจะคุยกับเราเรื่องอะไร?
เชอรีน : “ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เขาอยากที่จะเอาลูกไปเลี้ยง ที่เราตกลงกันคือถ้าเกิดลูกอยู่กับเราเขาก็จะไม่ส่งเสีย แต่ถ้าเกิดลูกอยู่กับเขา เราก็จะไม่ต้องเสียอะไรเลย บอกว่าขอให้ลูกอยู่กับเชอเพราะเลี้ยงเองได้”
เขาเข้ามาก่อกวนเราแบบใดบ้าง?
เชอรีน : “เป็นเรื่องการติดตาม วันก่อนเขาโทรมาบอกว่า เขาอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเรา เขาสามารถดูได้หมด เข้าบ้านใครมารับมาส่ง อยู่กับใคร เขาสามารถรู้ได้หมด เขาโทรไปบอกแม่ด้วยว่าวันนี้เชอออกจากบ้าน และกลับบ้านกี่โมง”
ได้ถามไหมว่าเขาต้องการอะไร
เชอรีน : “เขาอ้างว่าเขาเป็นห่วงลูก เขาเลยเอาคนมาตาม มาดูว่าเชอจะอยู่กับลูกไหม จะมีเวลาอยู่กับลูกไหม”
ตอนคบกันเขาเป็นคนยังไง
เชอรีน : “ถ้าตั้งแต่ที่เป็นสามีภรรยากัน ตั้งแต่แต่งงานกันมา เขาก็ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องอารมณ์นี่แหละค่ะ เรื่องอารมณ์รุนแรง แล้วก็ทะเลาะกันค่อนข้างบ่อย แล้วก็ทำอะไรก็ต้องตามใจเขานิดหนึ่งค่ะ ซึ่งก่อนที่จะมีลูก เขาดูแลดีมากค่ะ ให้แต่งตัวได้ ให้ออกไปเจอเพื่อนได้”
“แต่ว่าหลังจากที่แต่งงานกันแล้ว เชอแต่งตัวไม่ได้ ออกไปหาเพื่อนไม่ได้ (เสียงสั่น) ไปทำงานไม่ได้ ก็คือต้องอยู่กับเขา (ละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล กักขังไม่ให้ออกไปเจอโลกภายนอก?) ใช่ค่ะ ตอนนั้นเราก็ทำใจค่ะ ก็อยู่กับลูกให้มีความสุขที่สุดค่ะ พยายามโฟกัสที่ลูก พยายามมองว่าโอเค เราไม่ไปไหนก็ได้ เราไม่ทำอะไรก็ได้ เราอยู่บ้านเลี้ยงลูกแล้วกัน เราได้มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นแล้วกัน พยายามมองในมุมที่ดีค่ะ”
วันนี้มาแจ้งความในข้อหาอะไร
ทนายแก้ว : “เดี๋ยวขอเล่าเรื่องนี้ให้ตำรวจฟัง มันจะผิดข้อหาอะไร ก็แล้วแต่พนักงานสอบสวนครับ (ในฐานะทนาย ฟังแล้วรู้สึกอย่างไร?) ก็เป็นเรื่องความรุนแรงในครอบครัว ก็สงสารน้องเขา แล้วก็คิดว่าสิ่งที่เขาทำ เป็นเรื่องของการที่เขาต้องเก็บความรู้สึกไว้คนเดียว จะไปแจ้งความก็กลัวต่างๆ นานา มันเป็นเรื่องที่ถึงจุดแล้วครับ ก่อนมาก็ได้มีการคุยกับพี่ชาย คุณแม่ และทุกๆ คนแล้ว เลยตัดสินใจมาแจ้งความครับ พบแพทย์มาเรียบร้อยแล้ว รายละเอียดผมพร้อมอยู่แล้ว”
เหตุการณ์นี้สร้างความกระทบจิตใจยังไงบ้าง
เชอรีน : “ก็…รู้สึกหวาดระแวงค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าชีวิตไม่ปลอดภัย (ร้องไห้) รู้สึกกลัวไปหมด คือหลังจากที่เลิกกัน ช่วงแรกๆ ก็ยังมีมาเจอกันบ้าง เพราะเราก็ยังอยากให้ลูกได้เจอพ่อ ได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อ แต่ว่าทุกครั้งที่เราเจอ”
“เราก็จะกลัวเขามากๆ กลัวว่าวันนี้เขาจะไม่พอใจอะไรอีกไหม วันนี้เขาจะไปถึงขั้นไหนอีก ก็เป็นความกลัวและความหวาดระแวง แล้วทุกวันนี้ที่ถูกติดตาม ถูกพูดจาแบบนี้ใส่ เราก็รู้สึกว่าชีวิตตัวเองไม่ปลอดภัยเลย”
ถ้าเขาอยากไกล่เกลี่ย เราพร้อมคุยไหม
เชอรีน : “ให้ทนายคุยค่ะ เชอขอไม่คุยด้วย”
ทนายแก้ว : “เดี๋ยวตรงนี้ เดี๋ยวขอรอกลับไปฟังข้อเสนอของเขาก่อน ว่าเขามีข้อเสนออะไร”
เชอรีน : “ถามว่าอยากได้อะไร อยากให้เขาเลิกยุ่งค่ะ แค่นั้นเลย อยากให้เขาเลิกยุ่งกับชีวิตเชอ เชอไม่อยากได้อะไรจากเขาเลย (ร้องไห้)”
ก่อนมาแจ้งความได้บอกเขาไหม ว่าถ้าไม่เลิกยุ่งจะแจ้งความ
ทนายแจ้ง : “ครั้งที่ 4 มีการเตือนไปแล้วรอบหนึ่ง”
เชอรีน : “เชอเคยเตือนเขาไปแล้ว ว่าถ้าเขาไม่หยุด เชอก็คงต้องทำอะไรเพื่อตัวเองเหมือนกัน เชอก็ไม่ได้พูดถึงขั้นว่าจะแจ้งความหรือจะเป็นข่าว อะไรขนาดนั้น ได้แต่บอกว่าถ้าเขาไม่หยุด ก็คงต้องทำอะไรสักอย่างเหมือนกัน ก็ขอให้เขาหยุด”
ทางคุณพ่อคุณแม่เราว่าอย่างไรบ้าง
เชอรีน : “ที่บ้านซัพพอร์ตทุกอย่างที่เชอเลือก เพราะคนที่ต้องผ่านเรื่องราวก็คือเชอ แล้วไม่ว่าจะเจ อะไรขึ้น เขาก็อยู่ข้างๆ คอยซัพพอร์ต เอาทางที่เชอสบายใจแล้วก็เลือกได้ดีที่สุดค่ะ พี่ชายเขาก็เป็นห่วงมากค่ะ เมื่อวานก็โทร.คุย จริงๆ เขากลัว ตอนแรกเชอไม่อยากให้เป็นข่าว เชออยากมาแจ้งความเฉยๆ อยากให้มีบันทึกประจำวันไว้ ถ้าในอนาคตเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยมันเคยมีการแจ้งความไว้ นี่คือที่ปรึกษากับทนายแก้วนะคะ”
“แต่ว่าพอเชอเราให้ทนายฟัง เรื่องที่เขาตามมาคุกคาม ตามมาเฝ้าดู ก็คุยกันว่า คิดว่าถ้าสมมติไม่เป็นข่าว ไม่ออกมาสู่แสง แล้วถ้าวันหนึ่งเชอหายไปหรืออะไร อันนี้ไม่รู้นะคะ พูดไปก่อน คือจะไม่มีใครรู้ แล้วก็จะอันตรายต่อตัวเชอและลูกด้วย”
ทนายแก้ว : “วันนี้เป็นการแจ้งความเป็นคดีครับ คือพฤติกรรมในการติดตาม คุกคามเนี่ย มันมีหลายครั้ง แล้วก็ซ้ำๆ จนน้องเขารู้สึกว่ามันผิดปกติมาตลอด แต่ก็ไม่ถึงกับรู้ตัว จนฝ่ายชายโทร.มาบอก เขาก็อ้าวรู้ได้ยังไง ว่าหนูไปไหน อยู่ไหน มันเลยเป็นเรื่องที่เขาหวาดกลัวจริงๆ”
ตอนนี้ใช้ชีวิตยังไง
เชอรีน : “ก็พยายามใช่ชีวิตต่อค่ะ เพราะว่าด้วยความที่เชอต้องดูแลลูกเองทั้งหมด มันก็ต้องทำงาน หาเงิน ต่อให้เราเครียดหรือกลัวที่จะออกไปข้างนอกแค่ไหน เชอก็ยังต้องไป เพราะว่ามีงานที่ต้องทำ ยังต้องหาคอนเน็กชั่นตัวเองเพื่อเริ่มอะไรหลายๆ อย่าง เพราะว่าเชอก็หยุดชีวิตไปเพื่อครอบครัวมานานแล้ว ทุกอย่างมันเหมือนเริ่มใหม่ทั้งหมดค่ะ ก็เลยค่อนข้างที่จะกลัวแหละ แต่ว่ามันก็ต้องทำค่ะ ต้องพยายามเป็นแม่ที่สุขภาพจิตดี เพราะเราก็ต้องพยายามเลี้ยงลูกให้ดีเหมือนกัน”
ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะมีปัญหาเรื่องการเลี้ยงลูกไหม
ทนายแก้ว : “ก็ต้องไปว่ากัน แต่ปัจจุบันลูกถือเป็นลูกที่ชอบด้วยกฎหมายของแม่เพียงฝ่ายเดียว เพราะไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรส ก็เป็นเรื่องที่พ่อเขาต้องใช้สิทธิ์ร้องต่อศาล แต่สิทธิ์เบื้องต้นเป็นของแม่”
มีอะไรอยากฝากบอกเขาไหม
เชอรีน : “ก็หยุดได้แล้วค่ะ พอเถอะ ให้มันจบแค่นี้ สงสารลูก (ร้องไห้)”