แพรวพราว แสงทอง เปิดใจครั้งแรก เคลียร์ดราม่าปมเลิกอดีตสามีเด็ก ยอมรับผิดคุยคนอื่น แต่ไม่ได้คบชู้ – ไม่เคยกีดกันให้เจอลูก
เจ้าแม่ลำซิ่งแถวหน้าของเมืองไทย ‘แพรวพราว แสงทอง’ จะมาเปิดใจครั้งแรกกับมรสุมชีวิตรักกับอดีตสามีเด็ก พร้อมตอบประเด็นถูกสังคมตราหน้าว่าแอบคบคนในวง ตอบทุกคำถามเคลียร์ทุก ดราม่า ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี หนิง ปณิตา และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ตอนนี้สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง? แพรวพราว : “โอเคมากๆ ค่ะ อยู่กับลูก เรารู้สึกผ่านตรงนั้นมาได้ ตอนนี้มันโล่งขึ้นเยอะมาก”
ล่าสุดโพสต์อวยพรอดีตสามี? แพรวพราว : “ที่จริงเป็นปกติของอดีตสามี แต่เรายังมีลูกด้วยกัน 2 คน ซึ่งแพรวอยากเป็นตัวแทนของลูกอวยพรพ่อ ยังไงมันก็หนีไม่พ้นคำว่า พ่อของลูก แม่ของลูกอยู่แล้ว”
ถ้ามันไม่มีโมเมนต์หรือความรู้สึกดีๆ มันจะคุยกันเรื่องลูกลำบากเหมือนกันเป็นแบบนั้นหรือเปล่า? แพรวพราว : “จริงค่ะ เวลาที่เรามองหน้าลูกมันอ่อนลงเยอะ จากที่เราเป็นคนแข็ง ไม่ยอม”
ใช้คำพูดนี้ได้ไหม ต่อให้สถานการณ์นั้น เราอยากเอาชนะยังไงก็แล้วแต่ แต่พอเห็นหน้าลูกเรายอมเป็นฝ่ายถอย? แพรวพราว : “ใช่ค่ะ หนูยอมแพ้ก็ได้ เห็นหน้าลูกแล้วฉันยอมก็ได้”
พูดแบบนี้คนก็ลุ้น จะมีโอกาสให้อภัย รีเทิร์นกลับมาเป็นสถานะเดิมไหม? แพรวพราว : “ที่จริงแพรวก็ไม่ได้มีอะไร อย่างที่บอกว่าฉันยังอยู่ตรงนี้นะ อยู่กับลูกนะ ไม่ได้ไปไหน เขาจะมาตอนไหนก็ได้”
มาหาลูกหรือมาหาเรา? แพรวพราว : “ยังไงก็ได้ มาอยู่ลูกหรือกลับมาอยู่ด้วยกันก็ได้ อันนี้แพรวไม่ได้ติดนะ”
ยังรักเขาอยู่ไหม? แพรวพราว : “มันเป็นความผูกพันมากกว่า แล้วก็ห่วงใยมากกว่า ถ้าจะบอกว่ารักก็คือ มันเรื่องราวเยอะแยะมากมายที่ทำให้เรารู้สึกว่า เสียใจเหมือนกัน”
หลังจากที่โพสต์อวยพรไปมีการคุยกันไหม? แพรวพราว : “ที่จริงแชทอวยพรส่วนตัวด้วย เขาตอบว่า ขอบคุณจ้า”
ฝั่งนี้เหมือนเปิดใจรอได้กับการกลับมาอยู่ร่วมกัน แต่อีกฝั่งเขาบอกว่าถ้าเป็นไปได้ไม่ขอกลับมาร่วมงานกันอีก? แพรวพราว : “แพรวไม่ค่อยได้ดูคลิปอะไรเขาเลย แต่ก็มีคนส่งมาให้ดู แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ทำเพื่อลูกๆ ได้ไหม”
คำว่าทำเพื่อลูกได้ไหมคือให้กลับมาทำงานกันแล้วสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อลูก หรือให้กลับมาคบกัน คุยกันเพื่อลูก มันมี 2 กรณี? แพรวพราว : “ไม่ค่ะ ถ้าเขาบอกรีเทิร์น มูฟออนแล้ว เพื่อลูกก็คือหาเวลามาอยู่กับลูกบ้าง ให้ลูกได้เห็นว่า พ่อ แม่ ลูก อยู่ด้วยกัน ไม่อยากให้มีการสาดสีอะไรใส่กัน หรือคอนเทนต์นู่นนี่นั่นให้รู้สึกว่ามันแย่ อยากให้จบ ไม่อยากให้พูดถึงเรื่องครอบครัว อาจจะพูดถึงเรา แต่มันกระทบถึงลูก เพราะว่าเราก็อยู่กับลูก”
ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลหมอลำ แต่ก็มีงานของทั้งคู่ตอนที่ยังไม่เลิกรา เขาจองกันข้ามปีมีการรับงานคู่ไว้แล้ว ลูกค้าก็น่ารักไม่คืนคิว คืนงาน พอเปิดฤดูกาลต้องทำงานด้วยกันอีก ตรงนั้นได้แพลนหรือมีการพูดคุยกันไหม? แพรวพราว : “อย่างที่เขาบอกไม่อยากร่วมงานกันแล้ว สำหรับแพรวถ้าเจ้าภาพจ้าง สปิริตของนักแสดงหรือศิลปินมันต้องทำได้สิ สำหรับแพรวไม่ติดนะถ้าขึ้นเวทีเดียวกัน เพราะมันคือการทำงาน แต่พอเขาพูดแบบนั้นว่าไม่อยากร่วมงาน เราก็พยายามเคลียร์เจ้าภาพ โอเคไหม ถ้าเขาไม่โอเคก็คืนงานได้”
ย้อนกลับไปตอนมีเรื่อง จริงๆ ก่อนจะมีการโพสต์ถึงกันและกัน หลังเวที ยังวางแผนเรื่องไปเที่ยว เรื่องใช้ชีวิตมีความสุขด้วยกันอยู่เลย? แพรวพราว : “ที่จริงเรื่องราวมันเกิด และรับรู้ปัญหาก่อนหน้าที่เขาไลฟ์หนึ่งอาทิตย์ เราได้คุยกันหลังบ้านเรียบร้อย ยืนยันตรงนี้เลยมันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นกับบุคคลที่สาม ที่บอกว่าอยู่ในวง เราไม่ได้มีอะไรที่เกินเลย หรือไปคบชู้อย่างที่สังคมเขากล่าว”
ก่อนมีการโพสต์แสดงว่าเรามีปัญหากันในบ้านแล้ว? แพรวพราว : “มีปัญหากัน ครอบครัวมันก็ต้องมีเรื่องราวที่เราน้อยใจ อาจจะไม่เข้าใจ พอมาเกิดเรื่องนี้ขึ้น เราก็ได้พูดคุยกันหลังบ้าน บอกไปแล้วมันไม่ได้มีอะไร แต่อยู่ดีๆ เขาก็โพสต์และไลฟ์สดขึ้นมา ก็เลยช็อคเหมือนกัน จริงๆ มันไม่ได้มีอะไร ถามว่าคุยจริงไหม คุยจริง แต่มันไม่ได้มีอะไรเกินเลย”
แล้วทำไมเขาออกมาไลฟ์ว่าเราไปคบกับคนหนึ่งที่อยู่ในวง? แพรวพราว : “มันน่าจะมีหลายปัจจัย เขาใจร้อนด้วย และอาจจะมีคนที่ใส่ข้อมูลอะไรเข้าไป หนูยืนยันตรงนี้เลยมันไม่ได้มีอะไรจริงๆ ซึ่งหนูก็คุยกับเขา แล้วเขาก็อัดคลิปเสียงไว้ด้วย หนูยืนยันกับเขาหนูไม่ได้มีอะไรนะ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยจริงๆนะ”
ตอนนั้นมีปัญหาชีวิตคู่ แต่ไม่เจาะลึกว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ทำไมเราไม่เคลียร์กันสองคน แต่ใช้วิธีน้อยใจแล้วไปปรึกษาคนที่สาม? แพรวพราว : “ที่จริงมันไม่ได้เริ่มต้นด้วยการเลือกที่จะปรึกษาเลย แต่เราคุยเรื่องงาน คนในวง เรามีการสื่อสารเรื่องการทำงาน บางทีเรามีความน้อยใจ ซึ่งก่อนหน้านั้นมันก็ไม่มีใครรู้หรอก หนูไม่สามารถออกมาพูดได้ว่าปัญหานั้นมันคืออะไร เพราะมันไม่จำเป็นต้องพูด เพราะว่ามันเป็นเรื่องของครอบครัว แต่ทุกอย่างมันมีเหตุและผลของมัน ถ้าผู้หญิงก็จะมองออกว่ามันคืออะไร แพรวไม่อยากลงรายละเอียดว่าเราน้อยใจเขาเรื่องอะไร”
แล้วทำไมถึงเป็นคนนี้ที่เราคุย ทำไมถึงเลือกที่จะคุยกับคนนี้ ? แพรวพราว : “มันคุยเรื่องงาน เหมือนเราส่งงานให้เขา ไปเคลียร์ตรงนี้ให้หน่อย มันรู้สึกว่าเขาเคลียร์งานให้เราได้ ช่วยงานเรา เหมือนเราเป็นผู้หญิงคนเดียวที่บริหารวง พอเราบอกว่าช่วยดูตรงนั้นให้หน่อย ตรงนี้ให้หน่อย เขาเหมือนทำงานตรงใจเรา”
เรียกว่าไว้ใจที่คุยกับคนนี้น่าจะได้คำตอบ หรือได้รับความสบายใจ? แพรวพราว : “ก็ประมาณนั้น แต่มันไม่ได้มีอะไรเลย เราไม่ได้คิดจะเอาเขาเข้ามาในครอบครัว ทำให้เกิดปัญหา”
แล้วทำไมทำให้อดีตสามีเราเข้าใจผิดในเรื่องของความสัมพันธ์? แพรวพราว : “มันก็ไม่ได้มีอะไร ความใจร้อนด้วยแหละ และเราก็เป็นคนใจร้อนเหมือนกัน มันเหมือนกับสาดกันไปกันมาเหมือนเราบอกว่าอยากให้เขาเป็นอย่างนี้ อยากให้เขาเปลี่ยนอย่างนี้ คือเราอยู่จุดนี้ ถ้าย้อนกลับเราน่าจะมานั่งคุยกันมากกว่า”
ตอนนั้นที่อดีตสามีมาไลฟ์ ทางฝั่งเราก็มีการไลฟ์เหมือนกันบอกว่าเขาไปเที่ยวบาร์เกย์ ทำไมตอนนั้นถึงเอาข้อมูลนี้ออกมา? แพรวพราว : “ที่จริงแพรวก็เชื่อใจเขานะ ว่าเขาไม่ได้ไปนอกใจอะไรเรา เรื่องบาร์เกย์เขาก็เที่ยวจริง แต่เขาไม่ได้ไปคนเดียว เขาไปกับน้องๆ ในวง ตอนนั้นน่าจะเป็นภาวะทางอารมณ์ อดีตสามีเขาก็อายุน้อยกว่าเราเยอะ แต่เราผ่านอะไรมาเยอะ เรารู้ว่าอะไรยังไง แต่เขายังไม่เคยผ่านในจุดนี้ มันก็เลยมีเรื่องของอารมณ์ขึ้นมา”
และตอนนั้นเห็นว่ามีความกลัวหลายอย่าง กลัวเรื่องความสัมพันธ์ และกลัวเรื่องเจ้าภาพไม่จ้าง ตอนนั้นดาวน์ขนาดไหน เห็นว่าร้องไห้บ่อยมาก? แพรวพราว : “สำหรับแพรวเราอยู่ได้นะ เรามีธุรกิจส่วนตัว ที่ห่วงคือลูกน้องในวง เจ้าภาพคนที่จ้างเรา บางงานก็เป็นงานที่ปิดวิค เก็บบัตร เจ้าภาพขาดทุนทำไงดี เราก็เป็นห่วง เพราะมันมีเอฟเฟ็กต์มาลูกน้องเรา 100 ชีวิต เขาจะอยู่ยังไง”
วันนั้นเรารู้สึกยังไงเมื่อฐานะที่เป็นคนคุมวง แล้วมีผลกระทบเป็นลูกโซ่เลย? แพรวพราว : “อันดับแรกเลยคือต้องมีสติ นั่งคุยกับตัวเอง โอเคเรื่องมันเกิดแล้ว เราไม่สามารถไปแก้ไข หรือคนคอมเมนต์อะไร เราไม่สามารถไปหยุดใครได้ ณ ตอนนั้นคือกระแสมันแรง เรานิ่งและตั้งสติก่อนว่าเรื่องราวมันเกิดขึ้นแล้ว และตอนนี้เราทำอะไรอยู่ และเรามีอะไรต้องรับผิดชอบ ลูก ครอบครัว งาน หน้าที่และลูกน้องในวง
พอเราตั้งสติได้เราก็ทำงาน แต่ในระหว่างที่เราทำงาน เรามีความระแวงว่าฉันไปงานนี้จะมีคนมาด่าไหม แต่มันก็ผ่านไปได้ทุกงานโดยที่ไม่มีใครมาชี้หน้าด่าเรา ลูกน้องในวงก็ยังอยู่ครบ เหมือนเขามองเราแบบบอส หัวหน้า เป็นยังไงบ้าง ทุกคนเห็นหน้าเราเหมือนจะร้องไห้ แต่เราก็ยิ้มให้เขา แล้วเราก็เดินขึ้นเวที แล้วลูกน้องข้างหลังก็ร้องไห้”
ตอนอยู่ต่อหน้าลูกน้องเราเข้มแข็ง แล้วตอนอยู่คนเดียวล่ะ? แพรวพราว : “ตอนอยู่คนเดียวเรานึกถึงแม่ คือแม่เสียแล้วนะ ตอนนั้นเรามีแม่ เรามีปัญหาอะไรปรึกษาแม่ แม่ช่วยหน่อย แต่พอแม่ไม่อยู่ เราอยู่คนเดียว ก็พยามจะนึกถึง แม่ก็ไปแล้ว ถ้าเราล้มอีกคนนึงแล้วครอบครัว ลูก จะอยู่ยังไง ที่สำคัญเรื่องนี้ฉันไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ในส่วนที่หนูผิด หนูก็ยอมรับ ทำไมเราไม่เลือกที่จะคุยกัน เธอไปคุยกับคนนั้น อันนี้หนูผิด แต่ก่อนหน้าหน้านั้น ทำไม 1,2,3,4 มันมีเหตุผลของมันอยู่แล้วแต่มันเกิดขึ้นแล้ว ไม่เป็นไรหนูต้องยอมรับให้ได้ หนูต้องบอกตัวเองว่าต้องยอมรับมันให้ได้ มันไม่มีความทุกข์ไหนที่ตลอดไป ไม่มีความสุขไหนที่จะอยู่กับเราตลอดไป”
วันนั้นเราโดนชาวเน็ตประณามว่าเราเป็นฝ่ายผิด ไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่น วันนี้เรายืนยันว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง? แพรวพราว : “ไม่แน่นอน ไม่มีอะไรเกินเลย เราไม่ได้คบชู้แน่นอน”
มันมีการตกกลงทั้งสองฝ่ายในการใช้ชีวิตต่อไป เห็นว่ามีการยื่น 3 ข้อด้วยกัน 1.ไม่ให้นำเด็กไปทำคอนเทนต์ 2.สิทธิคุ้มครองบุตร และเรื่องการแบ่งสมบัติ? แพรวพราว : “เรื่องแรก เรื่องลูกคือเหมือนเขาไม่ให้บุคคลที่สาม เช่น คนในวง น้องไปหลังเวที คนในวงถ่ายคลิปน้องไปลงช่องของตัวเอง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เขาไม่โอเค แล้วป้ากับลุง ซึ่งเป็นพี่สาวของแพรว เขาก็ไม่โอเคที่จะให้ป้าถ่ายคลิปน้องไปลง แต่ใดๆ คือหลักๆ ตั้งแต่เล็กถึงปัจจุบัน ป้ากับลุงเป็นคนเลี้ยง แต่ทีนี้แฟนคลับบอกป้า ทำไมไม่ถ่ายคลิปหน่อย ถ้าคุณพ่อเขาไม่โอเคให้คนอื่นถ่ายคอนเทนต์ลูก อันนี้หนูก็ไม่ติดนะ ถ้ามันเป็นสิทธิ์ของพ่อที่ถูกต้องตามกฎหมาย
แต่ป้ากับลุงเป็นญาติพี่น้อง เหมือนเขาเป็นผู้ปกครองเหมือนกัน อีกอย่างหนูก็มอบอำนาจให้เขาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม หนูอยากบอกทุกคนเหมือนกันว่า ทัวร์ไปลงป้ากับลุง ที่จริงหลังจากที่เกิดเรื่อง 1 เดือน หนูคิดหลายอย่าง ปรึกษาทนาย หนูก็กลัวปัญหาตามมาหลายอย่าง หนูเลยทำเรื่องให้ป้ากับลุงเป็นผู้แทนโดยชอบโดยกฎหมาย มีทนาย เอกสารครบ ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่หนูทำตรงนี้”
อีกเรื่องหนึ่งคือการแบ่งทรัพย์สินเห็นว่าเป็นร้อยล้าน? แพรวพราว : “ถ้าไม่ซื้ออะไรเลย รวมที่ รวมรถ รวมบ้านก็ถึง แต่ในเรื่องที่เขาให้แพรวแบ่ง แบ่งเขาของนาริตะไลฟ์สดออนไลน์ แต่ที่จริงในเรื่องของไลฟ์สดออนไลน์ มันเป็นเงินหมุนภายในวง แสงทองฟินแลนด์ ที่แต่ก่อนชื่อ แพรวพราว แสงทอง แต่พอเราอยู่ด้วยกัน เรามาเปลี่ยนชื่อเป็นแสงทองฟินแลนด์ เราทำไลฟ์สดออนไลน์ในช่วงโควิดจนถึงปัจจุบัน แต่ไลฟ์สดนาริตะไลฟ์หนูทำเพื่อทีมงาน ความอยู่รอดขององค์กร และเงินตรงนั้นมันจะหมุนเวียน ไม่ว่าเป็นการซื้อรถ การซ่อมแซม การซื้ออุปกรณ์อะไรต่างๆ มันเป็นเงินหมุนภายในวง และอีกอย่างตอนที่เขาก้าวออกไป หนูไม่เคยไล่เขา แต่เขาตัดสินใจเดินออกไปเอง”
มีเรื่องที่ถูกพูดถึงในโซเชียล คือเราไปกีดกันไม่ให้เขาเจอลูก? แพรวพราว : “ไม่จริงค่ะ ไม่เคยกีดกันเลย เขาก็รู้ว่าลูกอยู่ตรงไหน มาตอนไหนก็ได้ ถ้ามันจะมีเหตุการณ์ว่า มาแล้วน้องไม่อยู่ เหมือนมันมีเหตุการณ์หรือธุระที่จะต้องไปด่วนๆ พอเขามาก็ไม่เจอลูก”
ไม่ได้บอกก่อนว่าจะมา? แพรวพราว : “ใช่ค่ะ มีบางวันที่บอกว่าจะมา แต่มันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เรากลับมาไม่ได้”
เขาจะมองว่าเป็นข้ออ้างหรือเปล่า? แพรวพราว : “ไม่แน่นอนค่ะ แต่ที่จริงมันไม่จำเป็นต้องไปลงคอนเทนต์หรอกว่ากลับมาแล้วไม่เจอลูกอีกแล้ว พอแฟนคลับเห็นหัวข้อ เขาก็จะมองว่าหนูแกล้ง ทัวร์ก็ลง”
เรื่องการทำคอนเทนต์ เราไม่อยากให้เขาทำคอนเทนต์แล้วทัวร์มาลงเรา? แพรวพราว : “ที่จริงมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่เราอยากให้คิดถึงลูกมากๆ อะไรที่มันกระทบกับแม่ มันก็ย่อมมีผลกับลูกด้วย ถ้ามูฟออนกันจริงๆ ก็อยากให้ต่างคนต่างทำงาน ถ้าจะคุยกันจริงๆ ก็เรื่องลูก ถ้าเป็นเรื่องภายในบ้าน ก็อยากให้เราคุยกันภายใน หนูยังมีแชทนะ ที่บอกว่าหาเวลาว่างหน่อยสิ มาอยู่ด้วยกัน พ่อ แม่ ลูก”
ถ้าเขาดูรายการอยู่อยากบอกอะไร? แพรวพราว : “อยากให้เขาหาเวลาว่างเพื่อที่จะมาอยู่กับลูก กับแม่ ให้ลูกเห็นว่าพ่อแม่อยู่ด้วยกัน อาจจะไม่ต้องลงสื่อก็ได้ เราเข้าใจเอฟซีทางฝั่งเขาแอนตี้เรา เอฟซีทางฝ่ายเราอาจจะไม่ชอบเขา แต่มันจะมีเอฟซีที่เขากลางๆ ก็มี แต่เราไม่สามารถไปห้ามความคิดของทั้งสองฝ่ายได้ ไม่ต้องทำคอนเทนต์อะไร ว่างๆ มาอยู่กับลูก เล่นกับลูก ถึงความรู้สึกมันจะไม่ได้รักกันแล้วก็ตาม”
อยากบอกอะไรกับคนที่อคติกับเรา? แพรวพราว : “ที่จริงหนูก็ไปห้ามความคิดเขาไม่ได้ ถึงหนูจะอธิบายยังไงก็ตาม ณ วันนี้ เขาก็ไม่เข้าใจเราอยู่ดี ไม่รักเราอยู่ดี เพราะฉะนั้นคือเอาที่คุณสบายใจ คนที่รักเราก็มี คนที่ไม่รักทำยังไงก็ไม่รัก บางคนคอมเมนต์เอามัน เอาเวลาไปทำมาหากินเถอะ ถ้าไม่ชอบก็เลื่อนผ่านแค่นั้น”
สถานะหัวใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? แพรวพราว : “โสดค่ะ ถามว่ามีคนมาจีบไหม มันก็มีเข้ามา แต่เราก็บอกทุกคนว่าฉันไม่ได้พร้อบจะคบใครนะ ฉันอยู่กับลูก โอเค แฮปปี้ดี ถ้าใครอยากคุย คุยได้ แต่คุยเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันนะ”
คลิปสัมภาษณ์ แพรวพราว แสงทอง