วันศุกร์ที่ 10 ม.ค.68 เวลา 10.30 น. ที่เพจสายไหมต้องรอด เขตสายไหม ผู้เสียหายเดินทางมาขอความช่วยเหลือ ธนาคาร สุดชุ่ย ผู้เสียหายผ่อนชำระหนี้ธนาคารอยู่ดีๆ บ้านกลับถูกยึดขายทอดตลาด โดยเจ้าหน้าที่ได้พูดคุยกับ คุณมณีรัตน์ อายุ 35 ปี ข้าวฟ่าง ผู้กู้เงิน และคุณภัชรินทร์ อายุ 43 ปี ข้าวแช่ (พี่สาว) ผู้ค้ำประกัน เปิดเผยให้ทีมข่าวฟังว่า คุณข้าวฟ่าง ได้ทำสัญญากู้ยืมเงินเพื่อการบริโภคกับธนาคารแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จำนวนเงิน 200,000 บาท
ซึ่งคุณข้าวแช่ (พี่สาว) เป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมาคุณข้าวฟ่าง ไม่ได้ชำระหนี้ตามกำหนด ทำให้ธนาคารสั่งฟ้องจากศาลอุทัยธานี โดยออกหมายศาล ให้ชำระหนี้ ในปี 2558
จากนั้นข้าวฟ่าง ได้เข้าไปพูดคุยกับธนาคารเพื่อขอผ่อนผันการชำระหนี้สิน ซึ่งทางธนาคารก็ยินยอมให้ผ่อนผันเรื่อยมา ซึ่งทางเข้าฟ่างได้มีการส่งค่างวดบ้างและไม่ส่งบ้าง
จากนั้นคุณข้าวฟ่างได้เข้าไปทำสัญญากับทางธนาคาร โดยทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ขอผ่อนชำระหนี้สินกับธนาคารในวันที่ 28 มีนาคม 2565 โดยต้องชำหนี้สินทั้งหมดภายในวันที่ 30 พฤษจิกายน 2566 ซึ่งคุณข้าวฟ่างได้ผ่อนชำระหนี้สินมาโดยตลอด งวดละ 4,000 บาท จำนวน 15 งวด รวมทั้งสิ้น 60,000 บาท
แต่จู่ๆกลับมีหนังสือขายทอดตลาดมาที่บ้านของ ข้าวแช่(พี่สาว) เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 ก่อนสิ้นสุดชำระหนี้งวดสุดท้าย
ทำให้คุณข้าวฟ่างและข้าวแช่ ตกใจว่าตนเองได้ทำหนังสือสัญญาผ่อนกับทางธนาคารไปแล้ว และผ่อนชำระมาโดยตลอด แต่ทำไมบ้านของข้าวแช่ ซึ่งเป็นพี่สาวกลับถูกขายทอดตลาด
ซึ่งมูลหนี้ที่เหลือ เพียง 200,000 กว่าบาท เท่านั้น แต่กลับยึดบ้านของพี่สาว นำไปขายทอดตลาด ซึ่งบ้านมูลค่า 6-7 ล้านบาท ทำให้ทั้งสองรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม จึงเดินทางมาร้องทุกข์ที่ เพจสายไหมต้องรอด
ทางด้านของ นาย นิรันดร์ เกแง้ว คุณต๋อง ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า ผู้เสียหายถือเป็นลูกหนี้ชั้นดีของสถานบันการเงินแห่งหนึ่ง แต่จู่ๆถูกนำบ้านขายทอดตลาด หลังจากไปเจรจากับสถาบันการเงิน รู้ว่าไปเซ็นสัญญากู้ยืมให้กับน้องสาว และถูกยึดบ้านของตัวเองขายทอดตลาด จึงเดินทางมาเรียกร้องควาทเป็นธรรมให้กับตนเอง
ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนเองได้รับเรื่องมานานแล้ว และได้ดำเนินการ โดยการนำเรื่องเข้าไปปรึกษา สำนักงานอธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิ์ ท่านโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง ซึ่งเรื่องนี้มองได้ 1 ประเด็นคือเรื่องการผิดพลาดในการส่งเอกสารผ่อนผันการชำระหนี้ ทางเจ้าหน้าที่ส่งเอกสารไปให้ศาลแต่ไม่มีการรอการประทับตรารับ ซึ่งความผิดมองเห็นแล้วว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ อย่างไรก็ตามตนเอง จะประสานไปยังอธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิ์ ให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องข้อกฎหมาย ที่จะให้ผู้เสียหายต่อสู้คดีในเรื่องของการเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองที่เสียไป ซึ่งตนเองก็เห็นใจ เนื่องจาก ผู้ค้ำประกัน หรือพี่สาว ได้มีการผ่อนบ้านของตนเอง มาโดยตลอด ซึ่งมูลค่า 6-7 ล้านบาท แต่สุดท้ายกลับถูกขายทอดตลาด ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก