“อรอนงค์” ควงลูกชาย “อองรี-อองตอง” เผยชีวิตคุณแม่ลูกสอง อัปเดตอาการป่วยมะเร็ง

Author:

“อรอนงค์” ควงลูกชาย “อองรี-อองตอง” เผยชีวิตคุณแม่ลูกสอง อัปเดตอาการป่วยมะเร็ง

นางงาม นักแสดง และคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ที่วันนี้ควงลูกชาย น้องอองรี – น้องอองตอง มาอัปเดตอาการมะเร็งที่เป็นเคสหายาก 1 ในแสนคน และตอนนี้กำลังรักษาอาการโรคคล้าย SLE แพ้ภูมิกล้ามเนื้อตัวเอง และวันนี้ลูกชายจะเปิดความลับกับคุณแม่ครั้งแรกกลาง รายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง วัน31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และ ดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกชายสองหนุ่มยากไหม ?

อรอนงค์ : พี่ว่าสมัยนี้เลี้ยงลูกชายน่าจะง่ายกว่าเลี้ยงลูกสาว อย่างน้อยๆ เวลาไปไหนมาไหนเราไม่ต้องห่วงเค้ามาก แต่ก็ห่วงนะ แต่มีลิมิตไม่ได้ห่วงเท่าลูกสาว แล้วโชคดีทั้งสองคนติดแม่ เวลาไปไหน มาไหน ก็ยังไปกับแม่อยู่ อย่างคนนี้อยู่ปี 2 แต่พอกลับมาบ้านก็ยังนอนกับแม่อยู่

นอนกับแม่เป็นยังไงบ้าง ?

อองรี : มันก็คุ้นเคยนะครับ ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งตั้งแต่เด็ก

อรอนงค์ : ก็จะแบบขอกอดหน่อย คุยเล่นกัน พอน้องกอดพี่ก็กอดบ้าง

พี่อรรีวิวลูกชายสั้นๆ หน่อย ?

อรอนงค์ : คนพี่ค่อนข้างมีเหตุ มีผล เวลาคุยอะไรต้องให้เหตุ และผลด้วย ส่วนคนน้อง คลุกคลีอยู่กับเพื่อนบ้าง เล่นเกมบ้าง แต่เราไม่ห่วงในเรื่องที่เค้าจะนอกลู่นอกทาง เพราะเวลาไปไหน มาไหน เค้าก็ก็จะบอกเรา ส่วนคนนี้เค้าอยู่ปี2 ก็จะห่วงเรื่องเรียน เค้าจะเครียดไหม เค้าเป็นนักกิจกรรมด้วย เราก็จะห่วงเรื่องการพักผ่อนของเค้ามากกว่า

อองตองชอบเล่นกีฬา แต่เรื่องเรียนไม่ค่อยชอบเท่าไหร่?

อองตอง : ก็นิดนึงครับ เรื่องเรียนก็กลางๆ ชอบเล่นกีฬามากกว่า

แม่มีบ่นไหมให้น้ำหนักไปทางกีฬามากกว่า ?

อองตอง : มีบ่นบ้างครับ พยายามเรียนให้ดีขึ้น

อรอนงค์ : พี่เลี้ยงลูกแบบว่า ลูกไม่ต้องเรียนได้เกรดดีมาก เรียนไปด้วยสนุกไปด้วย แต่อย่าให้การเรียนถึงขั้นติด 0 ติด ร. คือเรียนให้ได้ตามเกณฑ์ ตั้งใจกับมัน แล้วก็สนุกกับการเรียนด้วย อย่างอองรีอยู่มหาลัยมีกิจกรรมด้วยก็ต้องรู้ตัวเองว่าไปได้ไหม

เวลาแม่บ่นเป็นยังไง ?

อองรี : ไม่ได้เรียกว่าพร่ำบ่น แต่เรียกว่าถามเยอะ แล้วก็ต้องลงดีเทล

อองตอง : เหมือนที่พี่พูดเลยครับ

พี่ชายแอบเม้าท์ว่าอองตองดื้อเงียบ ไม่ค่อยคุยกับคุณแม่แต่ไม่ค่อยคุยกับพี่ชาย?

อองตอง : จริงบางส่วนแล้วกันครับ บางครั้งแม่กลับมาบ้าน แม่เพิ่งทำงานมา ส่วนใหญ่ผมเล่นเกมอยู่ข้างบน พอผมลงมาผมเห็นแม่นั่งดูซีรีส์ ก็ให้แม่พักผ่อนไป บางครั้งก็อาจจะไปกอดบ้าง

จริงๆแล้วแม่อยากได้อะไร ?

อรอนงค์ : อยากให้เรื่องของการเรียน การเล่นเกม ให้มันบาลานซ์กันนิดนึง คือเล่นเกมน้อยลงหน่อย ไปอ่านหนังสือตั้งใจเรียน ปีหน้าจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ก็ถามว่าจะเรียนอะไรดีลูก ถึงแม้ว่าแม่ไม่ได้บังคับ แต่ลูกก็ต้องมีเส้นทางของตัวเองนะ ก็บอกลูกไว้เสมอ แม่หรือพี่ หรือใคร ไม่สามารถไปช่วยลูกได้ในห้องสอบ มันอยู่ที่ตัวลูกเอง

ตั้งใจไว้ว่าจะเรียนคณะอะไร ?

อองตอง : พวกการท่องเที่ยว

น้องรีกำลังเรียนเชฟ ทำไมถึงชื่นชอบการเป็นเชฟ?

อองรี : จริงๆ สนใจเกี่ยวกับเรื่องทำอาหารมาตั้งแต่ ป.4 รู้สึกว่าเรายังอยากทำมันอยู่เรื่อยๆ ก็เลยมองว่าอันนี้มันคือทางของเรา

ที่น้องเลือกเรียนเชฟ ทราบมาว่าคุณแม่ไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไหร่?

อรอนงค์ : ไม่ใช่ไม่ปลื้ม ก็ชอบเหมือนกัน คือ 1.คนที่เป็นเชฟต้องมีความอดทนสูง มันเหมือนหมดเวลาไปกับการทำอาหารให้คนอื่นกินหรือเปล่า มันได้อะไรกับตัวเองไหม พอลูกชอบเราก็ไม่ได้ว่าอะไร

ทราบมาว่าตอนที่ย้ายไปอยู่หอมีสายสืบ เราจะทำอะไรปุ๊บ คุณแม่รู้หมด?

อองรี : คนนู้นโทรมาเช็กแล้วไปบอกแม่ คนนี้โทรมาเช็กอีกแล้วก็ไปบอกแม่

อรอนงค์ : ใครที่ใกล้ชิด เราก็โทรถาม

แล้วบ้านนี้โดนสืบไหม?

อองตอง : ยังครับ บางครั้งแม่อาจจะถามเพื่อนบ้างเวลาเพื่อนมาบ้าน ส่วนมากที่ได้ยิน อยู่ที่โรงเรียนอองตองเป็นยังไงบ้าง มีสาวไหม แต่ไม่มีครับ

จริงๆ แม่อนุญาตไหม?

อรอนงค์ : ก็อนุญาต แต่ก็จะบอกลูกว่า ความรักในวัยเรียน มันไม่ได้เป็นความรักที่ยืดยาว มันเป็นเหมือนป๊อปปี้เลิฟ อย่าไปทุ่มเท หรือใส่ใจมากนัก เพราะสิ่งที่เราสนใจคือเรื่องของการเรียน

พี่อรเปิดกว้างให้ลูกชายมีแฟนได้แบบไม่จำกัดเพศด้วย?

อรอนงค์ : เราไม่ได้ตั้งใจว่าลูกจะเป็น LGBTQ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เราไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราอยากจะเปิดมุมมองให้ลูกได้เห็นว่า ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไรก็ตามแต่ ในอนาคตแม่รับได้เสมอ ซึ่งถ้าลูกเป็นผู้ชายมีแฟนเป็นผู้หญิง โอเคปกติ แต่ถ้าในอนาคตเราไม่รู้จริงๆ อยากบอกให้ลูกรู้ว่าแม่รับได้นะ เพราะฉะนั้นเวลามีอะไรเค้าจะได้คุยกับเราได้ แม่อย่างเราแค่คอยซัพพอร์ตเค้า เค้าจะได้ไม่ออกนอกลู่ นอกทาง เค้าจะได้เห็นเราเป็นเพื่อนในยามที่เค้าคิดอะไรไม่ออก ไม่ใช่ว่าลูกต้องเป็นๆ ไม่ใช่นะ เพียงแค่บอกจุดประสงค์ วัตถุประสงค์ให้ชัดเจน

ในมุมของลูก พอได้ยินแบบนี้รู้สึกยังไงบ้าง?

อองรี : จริงๆคุณแม่พูดโดยรวมในเรื่องของอาชีพ ไลฟ์สไตล์ งานอดิเรกของเรา เราจะใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับอะไรคุณแม่ก็ไม่ว่า แค่ถามเยอะ

อรอนงค์ : คนนี้พอให้เงินเดือนก็จะไปซื้อของทำขนม พอยังไม่ถึงสิ้นเดือน คุณแม่ตังค์อองรีหมดแล้ว บางทีก็มีจ่ายตังค์ตัวเองก่อนแล้วมาเบิกเงินเราเพิ่ม ส่วนคนเล็กจะมีพี่ชายหลานพี่อร คุยด้วยตลอดเวลา คนนี้จะไปอ้อนหลาน ซึ่งหลานจะใช้บัตรเครดิตพี่อร รูดเสร็จแล้วถึงมาบอกแม่ว่าซื้ออันนี้ให้น้อง

ในวันที่พี่อรตรวจพบเชื่อมะเร็งในต่อมไทมัส วันนั้นบอกลูกยังไงบ้าง?

อรอนงค์ : คือตอนแรกก่อนที่จะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง เราไปผ่าตัดต่อมไทมัส ซึ่งเป็นต่อมที่ผลิตการเจริญเติบโตของเราตั้งแต่เกิดมา แต่พอเราอายุเยอะแล้วต่อมนี้จะหยุดทำงาน แต่มันยังควบคุมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรา แต่พี่อรต่อมไทมัสมันโตถึงขนาดไปเบียดอวัยวะภายใน คือเบียดหัวใจกับปอด มันเลยทำให้เราหายใจไม่ค่อยสะดวก แล้วก็แน่นหน้าอก อันนี้คือสาเหตุที่ทำให้ต้องไปผ่าตัด แล้วไปตรวจ แต่พอเราผ่าตัดต่อมไทมัสออกมาแล้ว คุณหมอก็เอาก้อนชิ้นเนื้อนั้นไปตรวจ ปรากฎว่ามันเป็นเนื้อร้าย พอวินาทีที่หมอบอกว่ามันเป็นเนื้อร้าย ใจมันหล่นไปที่ตาตุ่มเหมือนกัน หน้าลูก หน้าแม่ หน้าทุกคนในครอบครัวมันลอยมา มันเหมือนหูดับ อึ้งไปแป๊บนึง จากนั้นก็รวบรวมสตินั่งคุยกับคุณหมอจะต้องทำอะไร ยังไงบ้าง เรามีความรู้สึกไม่ได้ เราจะต้องหาย เรายังเป็นกำลังสำคัญของที่บ้านอยู่ เราจะเป็นอะไรไม่ได้ ก็คุยกับคุณหมอเรื่องการรักษา คุณหมอแนะนำ ว่าอันดับแรกเลยคือฉายรังสี ต้องไปพบกับคุณหมออีกหนึ่งท่าน คุณหมอที่รักษามะเร็งเค้าจะฟอลโล่อัพอีกครั้งหลังจากที่ฉายรังสีเสร็จแล้ว ก็ไปคุยกับคุณหมอที่ฉายรังสี ปรากฎว่าต้องฉายรังสีทั้งหมด 30 ครั้ง ภายใน 1 เดือนเศษๆ ซึ่งมันจะมีผลในเรื่องของอ่อนเพลียบ้าง แต่เราดูแลตัวเองก่อนที่จะรู้ว่าต้องผ่าตัด ก็ทานบำรุง ทานอะไรที่เป็นประโยชน์ พอหล้งจากที่เราผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เข้าสู่กระบวนการของการฉายรังสี บริเวณที่เราไปฉายรังสี มันไม่มีความเบิร์น ไม่มีอะไรที่เป็นผลข้างเคียง หรือผมร่วงไม่มี มันก็เลยโชคดีมากๆ เพราะว่าคนที่ไปฉายรังสีในวันเดียวกันทุกวันที่เราเจอ เค้าจะผิวคล้ำลง หน้าหมองลง ดูไม่สดใส แต่ช่วงนั้นพี่อรฉายรังสีเสร็จ ตอนบ่ายก็ไปทำงาน ก็คือทำอะไรปกติเหมือนเดิม แล้วก่อนที่เราจะฉายรังสี หรือทำอะไร เราจะคุยกับลูกว่าเนี่ยคุณแม่ไปรักษาตรงนี้มันไม่น่ากลัวนะ ไม่ต้องห่วงคุณแม่

พี่อรบอกลูกตั้งแต่วันแรกที่รู้?

อรอนงค์ : ใช่ บอกลูกตั้งแต่วันแรกเลย เราจะได้ไม่ต้องมาปิด หรือมารู้ทีหลัง ก็บอกไปเลยว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็ง ถึงแม้จะเป็นข้้นที่2 มันเป็นมะเร็งที่หายาก แต่มันไม่รุนแรงเท่ามะเร็งเต้านมหรือมะเร็งมดลูก ด้วยความที่มันยังไม่เข้าถึงต่อมน้ำเหลือง แต่มันไปเฉียดปอดนิดนึง พอหลังจากที่เราผ่าจัดไปแล้ว ฉายรังสีไปแล้วมันก็ไม่ได้มีเอฟเฟกต์อะไร เราก็ฟอลโล่อัพอย่างต่อเนื่อง

ตอนแม่บอกเราว่าเป็นมะเร็งตกใจไหม?

อองตอง : ตกใจครับ ตอนแรกก็คิดว่าแม่จะเป็นหนักไหม พอแม่บอกว่ามันไม่ได้หนักขนาดนั้น ก็กังวลน้อยลง

อองรี : คุณแม่ค่อยๆ บอก ก็ค่อยๆ ฟัง เหมือนช่วงที่ฉายรังสี คุณแม่ไม่ได้บอกทุกคนว่าคุณแม่ไปฉายนะ เราก็เห็นคุณแม่ไปทำงานปกติ เราก็เรียนมหาลัย อยู่ไกล มีโทรเช็กบ้าง แต่อาจจะไม่ได้บ่อยมาก แต่กลับมาเจอคุณแม่ทุกอาทิตย์

ถ้าเราไม่สัมภาษณ์ เราก็ไม่รู้ว่าพี่อรเป็นมะเร็ง?

อรอนงค์ : ในช่วงที่ฉายรังสีก็ไม่ได้บอกคุณยาย พอฉายรังสีเสร็จแล้ว ผ่านไป 1-2 เดือน ถึงไปทำการเอ็กซเรย์ ทีซีสแกนอีกรอบว่าที่เราฉายรังสีไปแล้วมันเป็นยังไงบ้าง ยังมีเชื้อมะเร็งอยู่ไหม คุณหมอบอกว่าเชื้อมะเร็งตรงที่เราผ่าตัดออกไปมันไม่มีแล้วนะ แต่ก็อย่าวางใจ เพราะว่ามะเร็งมันสามารถกลับมาได้เมื่อเราอ่อนแอหรือเราดูแลตัวเองไม่ดี พักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะเชื้อนี้จริงๆ ทุกคนมีอยู่ในร่างกาย แต่มันจะปะทุเมื่อไหร่ อันนั้นทุกคนต้องระวัง พอเราไปทำทีซีสแกนจะรู้ว่ามันมีปัญหาอะไรไหม แต่พอเราทำแล้วมันไม่มี ก็บอกคุณยาย ตอนนี้ไปรักษาตัวเอง มันโอเคแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่ปรากฎว่ามันมีโรคที่แทรกซ้อนจากการที่เราผ่าตัดมะเร็งต่อมไทมัส ก็คือแพ้ภูมิกล้ามเนื้อตัวเอง มันคล้ายๆ SLE แต่มันยังไม่ได้รุนแรงถึงขั้นนั้น แล้วโชคดีที่เจอเร็ว ทำไมถึงตรวจเจอเร็ว ก็เอาค่าเลือดที่เราไปตรวจ เวลาเราไปหาตุณหมอ คุณหมอจะสั่งตรวจเลือดทุกครั้ง แล้วปรากฏว่าค่าของที่เป็นแพ้ภูมิกล้ามเนื้อ มันมีมาให้คุณหมอได้เห็น 3-4 ตัว ที่เป็นแพ้ภูมิกล้ามเนื้อ แล้วมีแฝงไทรอยด์ ที่เป็นแบบระบบร่างกายเผาพลาญไม่ดีก็จะมีมาด้วย ต่อมไทมัสเราไม่มีภูมิเหมือนกัน

แล้วอาการภูมิแพ้กล้ามเนื้อมันจะส่งผลอะไรบ้าง?

อรอนงค์ : ตอนนี้เราทานยาควบคุมอยู่ก็เลยไม่ส่งผลอะไร แต่ถ้าวันใดที่เราหยุดทานยาแล้วมันเป็นเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่มันทำลายเลยคือกล้ามเนื้อหัวใจ กล้ามเนื้อปอด พี่ยังโชคดีที่เจอในระยะเริ่มต้น เริ่มทานยาโดสยังไม่เยอะมาก แต่ก็ต้องทานยาควบคุม เพราะคุณหมอบอกว่ามันเหมือนระเบิดเวลา ถ้าเราไม่ดูแลตัวเองหรือไม่ทานยา มันอาจจะปะทุขึ้นมาตอนไหนก็ได้ ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการรักษาและฟอลโล่อัพอย่างต่อเนื่อง

ลูกๆ ให้กำลังใจยังไง?

อองรี : หาเวลากลับบ้านทุกอาทิตย์ แล้วก็หาเวลาไปกินข้าวกับคุณแม่ เป็นห่วงคุณแม่ครับ จริงๆ หลายอย่างคุณแม่ก็ยังไม่ได้บอก เรื่องรายละเอียด ยาแต่ละตัว

อองตอง : เป็นห่วงครับ เวลาไปเรียนกลับมาบ้าน เจอแม่ก็มากอด มาหอมแม่ ก็บอกว่าเดี๋ยวแม่ก็หาย สู้ๆ

อรอนงค์ : โชคดีอย่างนึงเราเลี้ยงลูกสมัยใหม่ กอดเรา หอมเราเป็นเรื่องปกติ แล้วบอกรักกันทุกวัน

พี่อรโดนโกงไปหลายแสนเลย?

อรอนงค์ : ไม่ถึงกับโดนโกง เป็นความที่เราไว้ใจด้วย จากที่เราทำร้านเสื้อก็ทำมานานแล้ว เหมือนเป็นอาชีพหลักให้กับเรา เพราะถ้าเราไม่มีงานในวงการ มันก็ต้องมีอาชีพหลักที่เราสามารถพึ่งพามันได้ ทำตั้งแต่ก่อนโควิด มันขายได้ในระดับนึง ก็คิดว่าน่าจะเลี้ยงตัวเองได้ พอมาหลังๆ มันไม่ประสบความสำเร็จ มันขาดทุน เราเริ่มรู้แล้วว่ามันขาดทุน มันขายไม่ดี แล้วพอรู้ว่าตัวเองไม่สบายด้วย ไหนๆ มันไปไม่ค่อยได้แล้ว น่าจะปิดร้านดีกว่า แต่พอไปๆ มาๆ มันมีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เราเสียความรู้สึกกับการที่เราต้องปิดร้านไปด้วย 1.เสียดายร้าน

แต่ไม่ได้โดนโกง?

อรอนงค์ : ไม่ได้โดนโกง

โดนเอาเปรียบไหม?

อรอนงค์ : มันเป็นการเผลอเรอของเราเอง แล้วเราไม่ได้เข้าไปดูร้าน การบริหารจัดการเราก็ไม่เต็มที่ด้วย

ร้านติ่มซำด้วยไหม?

อรอนงค์ : มันเป็นผลพวงจากที่เราทำร้านเสื้อ ช่วงโควิดมันขายเสื้อไม่ได้ ก็เลยคิดว่าร้านอาหารมันน่าจะไปได้ดี แต่ปรากฎว่าร้านติ่มซ่ำมีหุ้นกัน ขายไปสัก 2 ปีเศษๆ มันก็ขาดทุนไม่ได้กำไร ซึ่งจริงๆ มันควรจะได้ แต่มันไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจกับหุ้นว่าเราปิดดีกว่า พอปิดไปแล้ว เราถึงมารู้ว่ามันมีอะไรไม่โปร่งใส ก็ถือว่าเป็นการซื้อประสบการณ์ ซื้อความไว้วางใจของคนไปดีกว่า

ความลับของลูกที่ไม่เคยเปิดที่ไหน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทริปต่างประเทศ?

อองรี : เป็นโมเมนต์สั้นๆ ตอนนั้นเรากำลังไปร้านขายเสื้อแล้วก็มีของฝาก คุณแม่ก็บอกว่า ซื้ออันนี้ไปฝากคุณพ่อด้วยสิ เราแอบดีใจ ถึงแม้ว่าคุณแม่จะไม่ได้อยู่กับคุณพ่อแล้ว แต่ยังเป็นห่วง ก็บอกให้อองรีเอาไปฝากคุณพ่อ

อรอนงค์ : จะบอกลูกเสมอว่าถึงแม้ พ่อ แม่ จะแยกทางกัน แต่ว่าความรักที่พ่อ แม่ เคยมีกันก่อนที่จะมีลูก มันเป็นอะไรที่จางหายไปไม่ได้หรอก เพราะความสัมพันธ์หรือสายใยมันไม่ได้ตัดขาด มันเป็นความรู้สึกและความผูกพัน เพราะฉะนั้นอย่างลูกกับพ่อ ก็ต้องมีความผูกพันมากกว่าเราด้วยซ้ำ เพราะอันนี้คือสายเลือด เวลาไปไหน เราก็บอกลูกว่า อย่างน้อย พ่อของลูกมีความรักมาให้แม่ตั้ง 20 ปี ก่อนที่จะเลิกรากันไป เพราะฉะนั้นเราก็คิดถึงโมเมนต์ที่ผ่านมาในช่วงเวลาที่มีความรัก มันจะทำให้เรามีความสุขกับชีวิตบั้นปลาย ถึงแม้ไม่มีเค้า แต่เราก็มีความสุขที่อย่างน้อยๆ เค้ายังมีลูกที่น่ารักให้กับเรา

ตอนนี้สถานะหัวใจเป็นยังไงบ้าง?

อรอนงค์ : คือว่าไม่ได้ปิด แต่ก็ไม่ได้เปิดมาก

ตอนนี้มีคนคุยไหม?

อรอนงค์ : ก็มีค่ะ

ลูกๆ ทราบไหม?

อองรี : ไม่ทราบครับ

อรอนงค์ : ด้วยความที่เราเคยผิดพลาดมาแล้ว เราก็อยากให้มันชัวร์ๆ กัน ว่าเค้าโอเคกับเราจริงไหมจะบอกลูก ถ้าไม่มั่นใจ หรือไม่ชัวร์ก็ไม่อยากบอกลูก เพราะว่าถ้าเรามีแล้วเลิก ลูกจะมีความรู้สึกว่าทำไมแม่คบคนเยอะจัง ก็รอให้ชัวร์ คนนี้ใช่ ค่อยบอกลูก

ถ้าคุณแม่จะมีความรักอีกครั้งลูกๆ จะโอเคไหม?

อองตอง : ผมโอเคครับ

อองรี : ถ้าแม่เลือกแล้ว แม่บอกเราแล้ว แม่น่าจะสกีนมาเยอะ

ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

gal 9595046 20241004073408 0b0574b
gal 9595046 20241004073408 8f3658b
gal 9595046 20241004073408 9bd27c0
gal 9595046 20241004073407 7ad2ce7
gal 9595046 20241004073407 18f693c
gal 9595046 20241004073407 387615e
gal 9595046 20241004073407 4dd9db8

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *