มะเร็งตับอ่อนยกบ้าน! เปิดความเสี่ยง “เนื้อใกล้หมดอายุ” ที่แม่ซื้อมาทำอาหารเช้า
เพราะความกังวลเรื่องราคาอาหารนอกบ้านที่สูงและไม่ถูกสุขอนามัย ทำให้คุณแม่คนหนึ่งลงมือทำอาหารเช้าให้ครอบครัวรับประทานเองอย่างสม่ำเสมอ แต่ใครจะคาดคิดว่าอาหารที่ทำด้วยความตั้งใจนี้เองที่เป็นสาเหตุให้ทุกคนในครอบครัวต้องป่วยเป็นโรคมะเร็งตับอ่อนพร้อมกัน
หลายคนเชื่อว่าการทำอาหารรับประทานเองที่บ้านนั้นปลอดภัยและดีต่อสุขภาพมากกว่าการซื้ออาหารนอกบ้าน แต่ความจริงแล้วไม่ได้เรียบง่ายเช่นนั้น เพราะปัญหาอาจอยู่ที่คุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาใช้ต่างหาก ตามรายงานจากสื่อจีนระบุว่า ครอบครัวสามคนถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับอ่อนพร้อมกัน และสาเหตุของโรคกลับมาจากเมนูอาหารเช้าที่ทำเองที่บ้าน
จุดเริ่มต้นอาการป่วยและการตรวจพบมะเร็งตับอ่อน
ครอบครัวนี้มักมีอาการปวดท้องเล็กน้อยบริเวณท้องส่วนล่างก่อนหรือหลังมื้ออาหาร แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก จนกระทั่งลูกชาย ซึ่งก่อนหน้านี้น้ำหนัก 72 กิโลกรัม มีน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วจนเหลือเพียง 54 กิโลกรัมในเวลาอันสั้น ครอบครัวจึงตัดสินใจพาเขาไปตรวจที่โรงพยาบาล
ผลการทำ CT Scan แสดงให้เห็นว่ามีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ในบริเวณตับอ่อนของลูกชายอย่างชัดเจน พร้อมทั้งค่าดัชนีในเลือดที่สูงผิดปกติ เมื่อสอบถามอย่างละเอียด แพทย์ทราบว่าเด็กชายมีอาการปวดท้องต่อเนื่องและน้ำหนักลดอย่างรวดเร็วในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
เมื่อพบว่าลูกชายป่วย สองสามีภรรยาผู้เป็นพ่อแม่ก็สงสัยว่าตนเองอาจจะเป็นโรคเดียวกัน เนื่องจากมีอาการปวดท้องเล็กน้อยต่อเนื่องคล้ายกัน ทั้งสามคนจึงเข้ารับการตรวจ และผลลัพธ์ที่ได้ทำให้พวกเขาตกใจอย่างมาก คือทั้งครอบครัวเป็นมะเร็งตับอ่อนพร้อมกัน
“ซาลาเปาทอด/เกี๊ยวน้ำ” ทำเอง คือสาเหตุหลัก
เนื่องจากมะเร็งไม่ใช่โรคติดต่อ แพทย์จึงเริ่มสืบหาสาเหตุ โดยตัดปัจจัยทางพันธุกรรม (ยีนกลายพันธุ์) และการสัมผัสสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายออกไป ผลสรุปสุดท้ายพบว่าตัวการสำคัญคือเมนู “ซาลาเปาทอด และเกี๊ยวน้ำ” ที่ทำเองที่บ้าน
คุณแม่เล่าว่า เธอทำเมนูนี้ให้ทั้งครอบครัวรับประทานเป็นอาหารเช้าอยู่เสมอ เพราะเชื่อว่าอาหารข้างนอกแพงและไม่สะอาด อีกทั้งต้องการให้ลูกชายได้รับสารอาหารครบถ้วนในช่วงวัยกำลังเติบโต อย่างไรก็ตาม เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เธอจึงมักซื้อเนื้อหมูราคาถูกจากการไลฟ์สดหรือทางออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเนื้อที่ใกล้หมดอายุ เธอคิดว่า “ยังไม่หมดอายุ แถมราคาถูกกว่าตลาดหลายเท่า มันคุ้มค่ามาก”
แพทย์เตือนว่าเนื้อราคาถูกส่วนใหญ่นี้มีแหล่งที่มาที่ซับซ้อน มักจะเป็นเนื้อที่รวบรวมมาจากผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนที่ถูกทิ้ง เนื้อช้ำ เนื้อปนต่อมน้ำเหลือง หรือแม้กระทั่งเนื้อที่ขึ้นราแล้ว เมื่อนำมาบดแล้วจะสังเกตได้ยากด้วยตาเปล่า แต่มีการนำมาขายในราคาถูกเพื่อแสวงหาผลกำไร
- เนื้อที่มีต่อมน้ำเหลือง: อาจมีแบคทีเรียหรือไวรัส ซึ่งจะเพิ่มภาระให้กับไต และก่อให้เกิดโรคเรื้อรังในระยะยาว
- เนื้อที่ขึ้นรา: มีสารไนไตรท์และสารพิษอะฟลาทอกซิน ซึ่งเป็นสารที่เชื่อมโยงโดยตรงกับการเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งตับอ่อนอย่างมีนัยสำคัญ
เด็ก ๆ มีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอกว่า การบริโภคผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ “เป็นพิษ” ดังกล่าวเป็นเวลานานจึงทำให้ป่วยได้ง่าย ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อให้ซาลาเปาทอด/เกี๊ยวน้ำ “อร่อยเหมือนร้านข้างนอก” คุณแม่จึงใส่เครื่องปรุงรสหลายชนิด ทำให้มีปริมาณโซเดียมสูง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อไตและตับอ่อน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสุขภาพในระยะยาว เมื่อทราบสาเหตุที่ทำให้ทุกคนในบ้านป่วย คุณแม่ถึงกับร้องไห้โฮ และกล่าวว่า “ฉันเองที่ทำร้ายลูกของตัวเอง!”
มะเร็งตับอ่อน: อาการคลุมเครือ ตรวจพบยาก
ข้อมูลจากองค์การบริหารโรงพยาบาลฮ่องกงระบุว่า มะเร็งตับอ่อนเป็นหนึ่งในมะเร็งที่อันตรายที่สุด เนื่องจากก้อนเนื้องอกจะพัฒนาอย่างเงียบ ๆ ตำแหน่งที่อยู่ลึก และอาการเริ่มต้นไม่ชัดเจน แม้แต่การตรวจสุขภาพประจำปีก็ยังตรวจพบได้ยากในระยะแรก ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักตรวจพบเมื่อสายเกินไป ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพต่ำและมีอายุขัยสั้นลง
แม้จะได้รับการผ่าตัดแล้ว อัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนก็ยังต่ำกว่ามะเร็งประเภทอื่น ๆ มาก ส่วนใหญ่พบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วยก็ตาม นอกจากนี้ มะเร็งตับอ่อนยังถูกขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งมะเร็ง” เนื่องจากตรวจพบได้ยาก มีความรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตสูง ข้อมูลจาก Hong Kong Cancer Fund ระบุถึง 7 อาการที่ควรสังเกตและให้ความสำคัญ ดังนี้:
7 อาการสำคัญของมะเร็งตับอ่อนที่ควรสังเกต
- ปวดท้อง: เป็นหนึ่งในสัญญาณที่พบบ่อยที่สุด อาการปวดมักเริ่มปรากฏ 1–2 เดือนก่อนการตรวจพบโรค และจะเพิ่มขึ้นตามความคืบหน้าของโรค แต่ในตอนแรกมักปวดเพียงเล็กน้อยบริเวณช่องท้องส่วนบน ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ อาการปวดมักเริ่มที่ช่องท้องส่วนบน เมื่อโรคดำเนินไปมักจะลามไปด้านข้างและ/หรือทะลุไปด้านหลัง
อาการปวดอาจไม่ต่อเนื่อง แต่โดยทั่วไปจะรุนแรงขึ้นหลังรับประทานอาหารหรือเมื่อนอนหงาย ผู้ป่วยอาจต้องนอนขดตัวเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด อาการปวดที่ลามไปด้านหลังมักพบเมื่อก้อนเนื้องอกอยู่ในบริเวณลำตัวหรือส่วนหางของตับอ่อนมากกว่าบริเวณส่วนหัวของตับอ่อน โดยทั่วไป อาการปวดท้องในมะเร็งตับอ่อนจะค่อย ๆ ปรากฏและเพิ่มขึ้นตามความก้าวหน้าของโรค แต่ก็มีบางกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการปวดรุนแรงอย่างกะทันหัน เนื่องจากก้อนเนื้ออุดตันท่อน้ำดี ทำให้เกิดตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน - ภาวะท่อน้ำดีอุดตัน: มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง และปัสสาวะมีสีเข้ม การตัวเหลืองจากมะเร็งตับอ่อนจะเป็นแบบต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากก้อนเนื้อทำให้ท่อน้ำดีหลักอุดตัน ทำให้น้ำดีจากตับไม่สามารถไหลลงสู่ลำไส้เล็กส่วนต้นได้ เป็นผลให้น้ำดีเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดภาวะตัวเหลืองและปัสสาวะสีเข้ม ภาวะตัวเหลืองมักเกิดขึ้นและปรากฏเร็วในผู้ที่มีก้อนเนื้อบริเวณส่วนหัวของตับอ่อน
- อุจจาระมีไขมัน (Steatorrhea): ก้อนเนื้องอกขัดขวางการหลั่งเอนไซม์ตับอ่อนลงสู่ลำไส้เล็กเพื่อย่อยอาหาร นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนอ่อนเพลียลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเสริมเอนไซม์ตับอ่อนอย่างทันท่วงที
- อ่อนเพลีย น้ำหนักลด
- เบื่ออาหาร
- อาเจียน
- ท้องเสีย
โดยสรุปแล้ว การเลือกซื้อวัตถุดิบคุณภาพดีและปลอดภัยสำหรับการปรุงอาหารที่บ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันการได้รับสารพิษที่อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงอย่างมะเร็งตับอ่อนได้
- เลี่ยงได้เลี่ยง! 4 มื้อเช้าที่ “ชวนป่วย” บำรุงเซลล์มะเร็งแบบเงียบๆ หลายคนกินไม่รู้ตัว
- หนุ่มรู้ตัวช้า มือบิดเบี้ยวเหมือน “แง่งขิง” ใช้งานไม่ได้ตลอดชีวิต เพราะดื่ม 2 เครื่องดื่มมากไป!
