ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ ยื่นโนติส อดีตภรรยา 3 ข้อ – โต้ดราม่าเกาะกระแส นุ่น ดำดง

Author:

“ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์” เปิดใจ ยื่นโนติส 3 ข้อให้อดีตภรรยา โต้ดราม่าเกาะกระแส “นุ่น ดำดง” ย้อนเล่าชีวิตเสียศูนย์ เกือบเป็นบ้า!! โดยวันนี้ขอเปิดใจหลังโดนแซะเกาะกระแส “นุ่น ดำดง” ดึงมาร่วมค่าย ขอเคลียร์ความคืบหน้าพร้อมยื่นขอขอสิทธิ์เลี้ยงดูลูก หลังเลิกกับสาวหมอลำชื่อดัง ตอนนี้มีสาวใหญ่ตามรุมจีบเพียบ จริงหรือไม่? ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์

เรียกหนุ่มโสดได้? “ได้ครับ เต็มปากแล้ว (หัวเราะ) (หลังนุ่น ดำดงออกจากคณะ เราได้ร่วมงาน กระแสเราเป็นยังไงบ้าง?) ตอนแรกก็มีคนจับตามอง เรื่องการเอามาขึ้นคอนเสิร์ต เพราะตั้งแต่เขามีดราม่า ผมเป็นเวทีแรกที่เอาเขามาขึ้น มีดราม่าว่าถ้าเอามาขึ้นจะไม่ติดตามเวทีเธออีกต่อไป ไม่รู้แฟนคลับฝ่ายไหน อีกฝ่ายก็บอกว่าเอามาเลย พร้อมซัปพอร์ตติดตาม”

บรรยากาศร่วมงานเป็นไง? “เขาก็ดูเศร้าๆ อาจด้วยมรสุม ดราม่า คนอาจคอมเมนต์ ก็เข้าใจได้ เขาน่าจะเจอครั้งแรกที่เป็นดราม่ายิ่งใหญ่ อาจกระทบกระเทือนเขาค่อนข้างเยอะ ก็ให้กำลังใจ ในฐานะรุ่นพี่ที่โดนมาเหมือนกัน เป็นกำลังใจให้ ไม่ต้องอ่านทุกอย่างนะ เลือกอ่านแต่สิ่งดีๆ อันไหนไม่ดีก็อ่านเหมือนกันแต่คิดก่อนว่าใช่หรือไม่ใช่ ไม่ใช่เก็บมาทุกอย่าง มันก็หนักกับตัวเอง เขาไม่ได้ปรึกษา เหมือนดูเศร้าๆ ตลอด”

จะมีโอกาสเข้ามาอยู่ค่ายเพลงเรามั้ย? “คงไม่ขนาดนั้นครับ เขาเป็นแนวลิเก เราเป็นค่ายเพลงอีสาน (หลายคนมองเราเกาะกระแส รู้สึกยังไง?) ผมมองว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่เขาจะคิด แต่เราวางแพลนอยู่แล้วว่าจะเอาเขาเข้ามาในเรื่องคอนเสิร์ต มันบังเอิญพอดี เราก็เป็นข่าวอยู่แล้ว”

คนเข้ามาคอมเมนต์ว่ามีนุ่น ดำดงมาจะไม่ดู สุดท้ายเป็นไง? “ดู เพราะขายบัตรคอนเสิร์ตออนไลน์ได้ประมาณ 14,000 ที่นั่ง” (สิทธิ์การเลี้ยงดูลูก มีการยื่นโนติสกันกี่ข้อ?) ตอนนี้ยื่นไปแล้ว อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไป เรื่องการดูแลสิทธิ์ ผมขอจดทะเบียนรับรองบุตร แล้วก็เรื่องการถ่ายวิดีโอของลูกเรา สิทธิ์ของเด็กที่บางทีคนถ่ายคลิปถ่ายภาพอาจไม่ได้คำนึงถึงสิทธิของเด็กว่ามันโอเคมั้ย เขางอแงมั้ย”

ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์

สิทธิรับรองบุตรทำไมต้องขอ? “ตอนลูกเราเกิด เราไม่ได้จด ก็สิทธิของแม่แต่เพียงผู้เดียว แต่เราก็อยากมีสิทธิดูแลลูกด้วย ในการส่งเสียดูแลลูก เวลาเราเป็นอะไรลูกก็มีสิทธิในตัวเรา ถ้าเราไม่ได้ถูกต้องตามกฎหมาย ลูกก็ไม่มีสิทธิในเรื่องสมบัติในอนาคต ลูกก็ลำบากอีก ตอนนี้ลูกอยู่กับคุณแม่ ถามว่าเจอง่ายมั้ยก็เจอประจำ แต่ด้วยงานผมเยอะด้วย เจอแต่ละครั้งก็มี 1 2 3 4 (หัวเราะ) ก็มีค้างกับเรา วันนึงสองวัน แล้วเอาลูกกลับไปส่ง”

ข้อสองเรื่องแบ่งสมบัติ? “พูดเหมือนเดิมว่าเราแบ่งให้มันชัดเจน เวลาจะแบ่งให้ลูกก็แบ่งให้ลูกไปเลย ในส่วนทำมาด้วยกันเราพูดถึงจุดนี้ อันไหนเป็นส่วนตัวเขาเราไม่เข้าไปยุ่ง เราต้องการให้มันถึงลูกจริงๆ ในภายภาคหน้า”

ที่ทำด้วยกัน ตัวเลขเท่าไหร่? “เป็นเลขเป็น 100 กว่า (ข้อสาม ห้ามบุคคลอื่นนำเด็กไปสร้างคอนเทนต์ไม่เหมาะสม ลองขยายความ?) “นอกจากพ่อและแม่ที่ทำคลิปให้เอฟซีดู บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ปกครองก็ไม่อยากให้ถ่าย ก็มีคนถ่ายเยอะอยู่ คนใกล้ชิด บ้านใกล้เรือนเคียง ญาติพี่น้อง ผมมองว่าการถ่ายคลิปจากบุตรของเรา มันมียอดวิว มีโฆษณาเข้า ผมไม่อยากให้ลูกผมเป็นเครื่องมือสร้างรายได้ของคนอื่น มันอาจจะเยอะเกินไปจนละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเด็ก เด็กเขาพูดไม่ได้นะ ว่าห้ามถ่าย แต่บางทีเขามีมุมไม่น่ารัก ก็ไม่ควรเอาออกมาให้คนเห็นหรือเปล่า ถ้าเราไม่ปกป้องสิทธิลูกเรา ใครจะปกป้อง”

ยื่นโนติสไปสามข้อ ได้รับการตอบรับทั้งสามข้อเลยมั้ย? “เหมือนจะไม่ได้รับ ไม่เห็นว่าไง เขาเงียบไปเลย ก็เป็นขั้นตอนกฎหมาย ตอนนี้มีทนายแล้ว (คุยเจรจากับภรรยาบ้างมั้ย?) คุยกันไปบ้างแล้ว เขาบอกว่าถ้าเธอต้องการให้เป็นเรื่องขั้นตอนก็ตามนั้น”

เขาก็ยังไม่เซย์เยสเต็มที่ ทนายเราจะจัดการเรื่องนี้ยังไง? “จัดการตามที่ผมมอบหมาย ทำให้ถูกต้อง ไม่เอาเปรียบใคร ไม่กลั่นแกล้งใคร เอาตามที่กฎหมายทำได้เลยครับ เราทำแค่ 3 ข้อที่เราต้องการ ก็อยู่ในขั้นตอนรอการพูดคุยและการเคลียร์”

ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์

อยากให้จบยังไง? “อยากให้จบในทางที่ดี คำว่าพ่อกับแม่ต้องเจอกันอีกนาน เรามีบุตรร่วมกันสองคน ผมมองอนาคตต้องไปมาหาสู่กันอยู่แล้ว ควรลงตัวมากที่สุด”

คิดมั้ยมีแนวโน้มว่าเขาจะตกลงหรือไม่ตกลง? “คิดไม่ออกเลย (หัวเราะ) เจอหลายอย่างที่คิดไม่ออก ไม่กล้าคิด บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรแน่นอน จุดประสงค์ของเราที่ทำตรงนี้ ไม่ได้ต้องการเอาบุตรมาให้ฉันคนเดียวนะ ต้องอยู่กับพ่อคนเดียวนะ เราต้องการความชัดเจนเรื่องการแบ่งเวลา แบ่งสัดส่วนในการไปมาหาสู่กัน ไม่มีจุดประสงค์ของการเอามาเลี้ยงคนเดียว ลูกต้องการทั้งพ่อทั้งแม่”

เคยมีครั้งนึงบิ๊กพาลูกไปเดินห้างถ่ายวิดีโอเก็บไว้ แต่มีญาติฝ่ายโน้นบอกว่าทำไมทีตัวเองเอาลูกทำคอนเทนต์ได้? “ผมเองก็ตกใจ ทำไมคนอื่นถึงกล้าบอกว่าเอาลูกไปทำคอนเทนต์ อ้าว มันลูกเราหรือเปล่า เราทำคอนเทนต์กับลูกเรามาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องนะ ทำมาตลอด ไม่ใช่เพิ่งทำ เราเป็นพ่อ ถ้าพ่อไม่ถ่าย ใครจะถ่าย ลูกเรา เราก็เลยตกใจ ไม่ได้โกรธ แสดงว่าถ้ามีความคิดแบบนี้ เราก็ต้องปกป้องสิทธิในตัวลูกเราและเราด้วย”

ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์

แฟนคลับยุให้ฟ้อง แบ่งสมบัติเลย แล้วเราไปตอบกลับว่าเตรียมแล้ว? “ผมไม่ได้ใช้ชีวิตกับคอมเมนต์ ผมอยู่กับความเป็นจริง ไม่ได้อ่านคอมเมนต์แล้วทำตามเอฟซีแฟนคลับ เพราะมีเยอะมาก แค่บอกไปว่าโอเค ก็เตรียมแล้ว ก็เป็นเรื่องยาว ตอนแรกผมไม่ได้มีจุดประสงค์จะอะไรทั้งสิ้น ผมเงียบไปแล้ว ผมจบไปแล้ว อย่างที่พูดทุกรายการ แต่มีจุดชนวนให้เราต้องปกป้องตัวเอง”

เรื่องสมบัติแพลนไว้มั้ย เคลียร์ยังไงถึงลงตัว? “รอคุยกับเขาแหละครับ ไม่มีทรัพย์สินที่มีชื่อร่วมกันเลย ต้องขอให้กฎหมายเป็นคนดูแลตรงนี้ดีกว่า (กลัวมั้ยอีกหน่อยลูกมาเห็นว่าพ่อแม่มีปัญหากัน?) ถึงแม้ไม่มีโซเชียล ในบ้านยิ่งหนักกว่านอกบ้าน เราต้องสอนให้เขาเข้าใจตั้งแต่เด็ก ดีกว่าไปฝืนโกหกว่าเรารักกัน ครอบครัวมีความสุข แต่พ่อแม่ต่อสู้กันทุกๆ วันออกสื่อ มันก็เหมือนกัน ให้เขาเข้าใจว่าโลกเป็นแบบนี้ ปลูกฝังให้เขาเข้าใจตั้งแต่เด็ก”

คุยอะไรกับลูกเวลารับลูกมาอยู่กับเรา? “ก็บอกว่าพ่อมาทำงานนะ พ่อมาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวว่างๆ พ่อก็ไปรับหนูบ้าง สลับๆ กันไป เขาก็เข้าใจ เขาเพิ่งอายุ 4 ขวบ ยังไม่อะไรมากมายขนาดนั้นแต่เราเริ่มพูดให้เขารู้ว่าพ่ออยู่ตรงนี้นะ แม่อยู่ตรงนี้นะ”

ตั้งแต่เลิกกัน ได้คุยกับอดีตภรรยาบ้างมั้ย? “คุยเรื่องงาน ที่เคยมีคอนเสิร์ตที่รับไว้ร่วมกัน ก็คุยกันบ้าง แล้วก็คุยเรื่องลูก เรื่องอื่นไม่ได้คุยครับ (ตอนประกาศยุติบทบาทการเป็นสามีภรรยา ตัดสินใจนานมั้ย?) มันก็หลายเดือนอยู่ครับ ก็ตัดสินใจยากอยู่ งานไม่เท่าไหร่ แต่ลูกนี่แหละ เราคำนึงถึงลูกเป็นหลัก ก็เสียศูนย์ เพราะตอนที่เรามีครอบครัว เราอายุ 19 เอง ตอนนี้เพิ่ง 23 24 เราสร้างครอบครัวเต็มที่ คิดว่าเราคงอยู่ตรงนี้แหละ เรามั่นใจแล้ว เดือนหน้าอายุ 24 แล้ว ตอนนี้ก็ทำค่ายเพลงอยู่ขอนแก่น ค่ายเพลงแนวอินดี้ วาไรตี้อีสาน”

อายุ 24 บางคนยังไม่รู้เลยชีวิตจะทำอะไรดี แต่นี่เป็นเจ้าของค่ายแล้ว? “เราก็สื่อไปผ่านผลงาน ผลงานเป็นสิ่งที่เอฟซีจะการันตีว่าฉันดูเธอผ่านผลงานนะ ผ่านความสามารถ ไม่อยากให้เสพข่าว อยากให้เสพความสามารถมากกว่าข่าว แต่บางทีก็ไม่สนุกเท่าข่าวไง”

บิ๊กผ่านมรสุมลูกนั้นมาได้ยังไง มีอาการเซ เป๋หนักขนาดไหน? “เสียหลักอยู่นะ เราอายุน้อย มีครอบครัว แถมเป็นครอบครัวแรกที่เราตั้งใจสุดๆ เคว้งคว้าง เกือบเป็นบ้าไปเลยนะช่วงนึงเพราะมันผิดหวัง ถ้าเคยมีรักครั้งแรกก็คงเข้าใจว่าขนาดไหน ( เมามั้ย?) เมา วันแรกกินเหล้า ชงถึงเช้า แต่เป็นไม่นานหรอก วันสองวันเท่านั้น เพราะงานเยอะ (หัวเราะ)”

มีใครแนะนำมั้ยว่าควรทำยังไง เดินต่อไปยังไง? “ณ เวลานั้น มีแค่ตัวเองที่ต้องซัปพอร์ตตัวเอง แต่ช่วงมีปัญหาโชคดีมีน้องสาวอยู่ข้างๆ พูดคุยกันตลอดเวลา ไม่ได้อยู่คนเดียวตลอดเวลา (เจอมรสุมลูกใหญ่ ฮึบยังไงถึงกลับมาแข็งแรงและก้าวไป?) ชีวิตคืออุปสรรค ชีวิตไม่ใช่ความเรียบง่าย ชีวิตไม่ใช่ความเพอร์เฟกต์ แต่ชีวิตคืออุปสรรค ขนาดตัวผมเองไม่ได้เกิดมามีพ่อแม่เพียบพร้อมเหมือนกัน ผมยังเกิดมาได้ ยังทำงานได้ หาเงินได้ ทั้งที่เราโตมากับย่าตั้งแต่ยังเล็ก พยายามเข้าใจชีวิตมากขึ้น และฮึบไม่เกิน 3 วัน ถ้าเราเศร้าเราขาดรายได้ ไม่มีใครมาช่วยเรานะ เราเศร้าได้ไม่เกิน 3 วัน เราต้องกลับมาทำงานแล้ว”

เข็ดกับความรักมั้ย? “ไม่ได้เรียกว่าเข็ดดีกว่า เรียกว่าเป็นประสบการณ์ในชีวิต เป็นครูในชีวิตดีกว่า (ตอนนี้มีหรือยัง?) ตอนนี้ไม่มีเวลามอง อาจเข้ามาบ้างเบาๆ แต่ยังใหม่ๆ อยู่ เพิ่งสองสามเดือนเอง”

ร่วมงานกับอดีตภรรยาได้มั้ย? “ตอนนี้งดก่อนดีกว่า หนึ่งดราม่า สองถ้าร่วมงานแล้วไม่รู้อีกฝ่ายจะสบายใจหรือไม่ในการร่วมงานกับเรา แต่เราไม่มีอะไรนะ แต่ก็เลี่ยงปัญหาไปก่อนดีกว่า”

บิ๊กมีค่ายเพลงเป็นของตัวเอง มีคอนเสิร์ต อดีตภรรยาก็มีวงของเขา กลัวเขาเอามาเปรียบเทียบกันมั้ย ว่าใครแฟนคลับเยอะ ชิงดีชิงเด่นกัน? “ก็ไม่กังวล แต่อยากฝากว่าไม่ให้เปรียบเทียบดีกว่า เพราะแต่ละวง แต่ละสถานที่ แต่ละอย่างมีเอกลักษณ์ของใครของมัน คนนึงก็มีเอกลักษณ์ของเขา เราก็มีเอกลักษณ์ของเรา ไม่อยากให้เอามาเปรียบเทียบกันเลย แต่ก็เห็นนะมีคนเอามาเปรียบเทียบ ซึ่งไม่ดีเลย แม้แต่เอฟซีเราก็บอกว่าอย่าทำเถอะ อยู่ใครอยู่มัน ชอบใครชอบมัน มันจะทำให้อนาคตแย่ไปเรื่อยๆ แล้วการเจอกันจะยากขึ้นเรื่อยๆ”

มีคนมาจีบมั้ย? “มีอยู่แล้วครับ มีอินบ็อกซ์เข้ามา เราก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง แต่เราไม่ได้สนใจขนาดนั้น สาวใหญ่ก็เยอะอยู่ เขาอาจคิดว่าคอนเซ็ปต์เราชอบคนมีอายุนะ ที่ผ่านมาอาจจะใช่ แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ รีเซ็ตใหม่หมดเลย ไม่มีสเปก แต่ก่อนสเปกคุยกันรู้เรื่อง ต้องโต ต้องทำงาน ห้ามงอแง ง้องแง้ง ชอบทำงานแล้วเข้าใจ”

สาวใหญ่? “ถ้าคุยกันรู้เรื่องได้เลย แต่ตอนนี้ไม่มีในสมองแล้ว ตอนนี้พูดคุยได้ ถ้าไม่พูดคุยจะหาว่าหยิ่งกัน ก็เป็นเพื่อนคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่ไม่คิดถึงขั้นเป็นแฟน คุยกับใครจริงจัง ตอนนี้ขอสตาร์ทชีวิตให้เริ่มต้นมั่นคงอีกรอบก่อน เรื่องพวกนี้อาจคิดไม่ออก ถึงเวลามันมาออโต้เองแหละ ใครสักคน”

รักครั้งเก่า ทำให้เราคิดมากขึ้นกับรักครั้งใหม่ในอนาคต? “คิดมากขึ้น การลงหลักปักฐานต้องคิดมากขึ้น การลงหลักปักฐานคือเอาคืนก็ยาก แก้ไขอะไรก็ยาก เราดูให้ชัดเจน เรื่อยๆ”

ตอนนี้งานเยอะขึ้น มีงานทุกวันมั้ย? “บางวันสามคิวสี่คิว วันนี้ก็สามคิว วิ่งสุดฤทธิ์เหมือนกัน ยังมีคนเมตตาและซัปพอร์ตอยู่ครับ”

ล่าสุดไลฟ์กับน้องทราย มาดามฟิน ยอดถล่มทลาย? “เราไลฟ์สดกับพี่ทรายครั้งแรก แตกแตนมาก ยอดถล่มทลาย คนดูเกือบ 2 หมื่น วันนั้นเขาไม่ได้จับเซ็นสัญญา แต่ตื่นขึ้นมาเขาทาบทามว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์มั้ย เราก็ยังไม่ได้มีชื่อเสียงขนาดนั้น มันเพิ่งเริ่ม เราก็ตกใจครับ สุดท้ายก็เป็นพรีเซ็นเตอร์ ที่แกบอกว่าเป็นคนแรกจากภาคอีสาน เป็นพรีเซ็นเตอร์น้ำหอมแกเลย ซึ่งยอดหลายล้านครับ”

มีครั้งนึงไลฟ์กับน้องนาริตะ ทำให้มีน้ำตา คือยังไง? “ตอนนั้นเราไลฟ์สดทานข้าวกับลูก น้องนาริตะอาจได้ยินเราพูดเรื่องบ้าน ผมก็ไลฟ์ไป น้องนาริตะ ก็อาจได้ยินว่าทำไมพ่อไปหาบ้านใหม่ พ่อก็กลับบ้านสิ ไปนอนที่บ้านพ่อสิ บ้านหนูก็มี เราก็ตกใจที่ลูกถามคำถามนี้ ก็ร้องไห้กลางไลฟ์สด น้ำตาซึมเบาๆ ตอนนั้นก็บอกลูกว่าเดี๋ยวพ่อกลับ พ่อมาทำงาน เดี๋ยวไปๆ มาๆ อธิบายให้เขาฟังผ่านไลฟ์สด ยิ่งลูกยิ่งเซนซิทีฟมาก”

เป็นพ่อแบบไหน? “ไม่ได้เฮฮามาก ไม่ได้ดุมาก กลางๆ เป็นคนไม่สปอย เช่นอยากได้ของเล่น อยากได้อย่างนั้น อย่างนี้ อยากตามใจตัวเอง เราจะไม่ทำตาม เรามีข้อแลกเปลี่ยน คุณต้องทำแบบนี้ให้สำเร็จก่อนคุณถึงจะได้ สำหรับผมอาจให้บางส่วนที่จำเป็นจริงๆ เราสามารถซื้อให้ลูกได้หมดทุกอย่าง แต่อยากให้ลูกเรียนรู้ว่าการจะได้บางอย่างต้องมีการรอ มีความพยายามรอ และตั้งใจทำอะไรแลกเปลี่ยน เหมือนที่เราเติบโตมาอย่างนั้น ลูกก็อ้อน พ่อจ๋าอยากได้อย่างนั้นอย่างนี้ เราก็ละลาย ใจแข็งบ้าง ซื้อให้บ้าง”

สองคนนิสัยต่างกันยังไง? “นาริตะเขา 4 ขวบ เป็นคนร่าเริง ชอบถาม สนใจสิ่งต่างๆ เขาเป็นคนสดใส นาริตะไม่ดื้อ เลี้ยงง่ายมากๆ โตเกียวจะขวบนึงแล้ว นั่งได้แล้วแต่ยังไม่แข็ง”

แบ่งเวลายังไง เห็นว่าไปเรียนต่อ? “ผมจบม.3 ตอนแรกๆ ไปเรียนต่างประเทศกลับมาก็เรียนใหม่อีกรอบนึง จบม.6 ไม่กี่ปี ก็ตัดสินใจอาทิตย์ก่อน ไปเรียนปริญญาตรี ผมคิดว่าการใช้ชีวิตของคนเรา ความรู้มันสำคัญมาก เราอาจเรียนน้อยด้วยช่วงที่ผ่านมา เราอาจมองข้ามการเรียนไป เราก็เลยตัดสินใจเรียนปริญญาตรี”

กลัวโดนหลอกหรือเปล่า? “(หัวเราะ) ถ้าเรามีความรู้ เราก็จะเข้าใจอะไรมากขึ้น เวลาทำงานก็ใช้ด้วย เวลาใช้ชีวิตก็ฉลาดขึ้นด้วย”

แบ่งเวลายังไงไม่ให้กระทบงาน? “ต้องจัดสรรเป็นอย่างดีเลย งานเราก็เยอะ แต่มีวันหยุดอยู่ ก็ทำตารางให้ลงตัวที่สุดสำหรับการเรียน”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *