ฟ้องมาฟ้องกลับ ‘หนุ่ม กรรชัย’ พร้อมขึ้นศาลสู้ ‘ลัทธิเชื่อมจิต’

Author:

หนุ่ม กรรชัย เล่าปมถูก ทนายของลัทธิเชื่อมจิต ฟ้องเอาผิดหลังเชิญมาออกรายการโหนกระแส เปิดหน้าถามหนึ่งในคนออกกฎหมายคุ้มครองเด็ก ตกลงเรื่องนี้ใครผิดใครถูกกันแน่ ก่อนฟาดกลับแรงทนายความปริศนา

วันที่ 13 พ.ค.2567 หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เล่าต้นสายปลายเหตุปมถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจากทีมกฎหมายของ “ลัทธิเชื่อมจิต” ซึ่งเคยเชิญมาสัมภาษณ์ในรายการแล้วเกิดเรื่องราวกระทบกระทั่งจนอีกฝ่ายมอบหมายให้ทนายความไปเดินหน้าเอาผิดทางกฎหมายกับพิธีกรช่องดัง ตลอดจนู้บริหารของช่องที่เผยแพร่เทปออกอกาศสดจนเป็นประเด็น

ในรายการ กรรชัย ซึ่งได้เชิญ ทนายอนันนต์ชัย ไชยเดช และกลุ่มคนทั้งหมดที่ออกมาเคลื่อนไหวแจ้งความดำเนินคดีกับลัทธิเชื่อมจิตด้วย ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.คุ้มคอรงเด็กและเยาวชน รวมถึงข้อหาอื่น ได้โอกาสเล่าที่มาที่ไปที่ตนเองถูกฟ้องร้อง สืบเนื่องมาจากนำเสนอเทปรายการ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2566 ที่มี แพรรี่ ไพรย์วัลย์ โฟนอินเข้ามาด้วย

กรรชัย เล่าต่อว่า วันนั้นทีมงานของตนมีการพาดหัวประมาณ “ดราม่าเกิดก้มกราบเด็กอายุ 8 ขวบ อ้างตัวเป็นพระพุทธเจ้ามาเกิด” ซึ่งตนนำเสอนเพราะว่ามีการเล่นประเด็นนี้จากสื่ออื่น ๆ ซึ่งลงว่าเด็กคนนี้เป็นพระพุทธเจ้า มีหลักฐานทุกอย่างตามหน้าสื่อ

พอตั้งประเด็นเสร็จ กรรชัยบอกว่าพอเข้ารายการก็พยายามชี้แจงว่าเด็กเป็นอย่างนี้ ๆ ตอนจบให้แม่ชี้แจงโดยไม่ได้ปิดบังใบหน้าของแม่ แต่มุมของเด็กตนปิดหน้ามด

แต่พอจบรายการ อีกฝ่ายกลับมาฟ้อง พ.ร.บ. เด็กฯ กับตน ซึ่งเรื่องนี้ “กรรชัย” ได้เล่าพร้อมกับหันไปขอคำตอบจาก นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบคุ้มครองเด็กในคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ซึ่งให้คำตอบกลับมาชัดเจนว่า กรณีของหนุ่ม กรรชัย นั้นไม่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กใด ๆ ทั้งสิ้น

กรรชัย ถูกลัทธิน้องไนซ์ฟ้อง
ภาพ @honekrasaeofficial

ฝั่งแขกรับเชิญซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญสิทธิเด็กอีกทั้งยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่ออกกฎหมายเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ยังให้ข้อมูลโดยยกจุดประสงค์ของข้อกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 27 ที่มุ่งให้คนข้างนอกครอบครัวที่เผยแพร่ข้าวสารเกี่ยวกับครอบครัวอีกฝ่ายในทางเสียหายได้รับโทษตามกฎหมาย

แต่กากระทำของกรรชัย ผุ้เชี่ยวชาญสิทธิเด็กวิเคระห์ตามเจตนา คือ มีขึ้นเพื่อให้ครอบครัวหยุดการกระทำผิดต่อเด็ก และเมื่อพิจารณาจากสิ่งที่ผู้ปกครองกระทำขณะนี้ เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดต่อเด็กมากกว่า แถมยังมีการนำมาโฆษณาเสียเอง ฉะนั้นการที่อีกฝ่ายมาคัดค้านตรงนี้ จึงเป็นอะไรที่ย้อนแย้งอย่างมาก

เพราะกรณีกรรชัยไม่ได้ออกมาทำให้เสื่อมเสีย แต่เป็นการให้ยุติการกระทำที่รุนแรงต่อเด็ก แต่อีกฝ่ายก็ไม่เลิกกระทำจนสื่อมวลชนนำเรื่องที่ทำ ออกมาเปิดเผยพร้อมกับขอความคิดเห็นจากผู้รู้ว่า สิ่งที่กระทำนั้นไม่ถูกเท่านั้น

กรรชัย สัมภาษณ์ประธานอนุกรรม
ภาพ @honekrasaeofficial

อธิบายข้อกฎหมายจบ อ.สรรพสิทธิ์ ยังยืนกรานว่า สิ่งที่พิธีกรคนดังถูกฟ้องร้องนั้นไม่เข้าข่ายความผิดตามที่คู่กรณียกมาอ้างแต่อย่างใดแน่นอน

นอกจากนี้ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบคุ้มครองเด็กฯ ยังเตือนไปยังทนายความของอีกฝ่าย ควรทบทวนเรื่องฟ้องเอาผิดนี้ให้ดี ระวังความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200 วรรสอง เรื่องสร้างหลักฐานพยายามทำให้คนที่ไม่ได้กระทำผิดต้งองรับโทษทางอาญา ถือว่ามีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสี่แสนบาทด้วย

ประวัติ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช
แฟ้มภาพ Fb. @ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช

ขณะที่ ทนายอนันต์ชัย มองในฐานะนักกฎหมายที่คลุกคลีกับคดีแอบอ้างพระพุทธศาสนา เคสนี้ใครขึ้นศาลก่อนได้เปรียบ ถ้าอีกฝ่ายขึ้นศาล ก็ต้องไปพิสูจน์ความจริงต่อศาล ซึ่งจะพิสูจน์อย่างไรทั้ง การเป็ลุกพระพุทธเจ้า เป็นพระอนาคามี เชื่อมจิตยังไง หากพิสูจน์ต่อศาลไม่ได้ ทนายอนันต์ชัยก็ยกตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา ถ้าตนจำไม่ผิดที่ว่าเป็นหมอดูแล้วไปหลอกว่าทำนู่นทำนี่ได้ พอพิสูจน์ไม่ได้ ถูกพิพากษาผิดฐานฉ้อโกงประชาชนทันที และมีถึง 2 ฏีกา ที่ฟันความผิดแบบนี้

ทั้งนี้ ในรายการ กรรชัย ยังได้ยืนยันว่าตนและทีมผู้บริหารของช่อง 3 พร้อมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เนื่องจากมั่นใจว่าไม่มีความผิดในเรื่องนี้ และจะเดินหน้าปกป้องพระพุทธศาสนาให้เป็นตัวอย่าง เพื่ออนาคตจะได้ไม่มีเหตุการณ์หรือกลุ่มคนออกมาแอบอ้างเรื่องราวทำนองนี้อีก.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *