“แป้ง นาโหนด” จำนน ยกนิ้ว “พ.ต.อ.ทวี-ตำรวจ” เตรียมนำตัวกลับไทย 4 มิ.ย.นี้

Author:

วันที่ 2 มิถุนายน 2567 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ถึงขั้นตอนการส่งตัว นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาคดีหลบหนีเรือนจำนครศรีธรรมราช และถูกจับกุมตัวได้ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ว่า คดีนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ทางกองทัพอากาศอำนวยความสะดวกในการส่งตัว เพราะถ้าไปเครื่องบินพาณิชย์จะมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เพราะชื่อเสียงของ นายเชาวลิต จะเป็นที่น่ากังวลของผู้โดยสารได้ การใช้เครื่องบินกองทัพอากาศทำให้ประสิทธิภาพสมบูรณ์มากกว่า และเนื่องจากไทยมีกฎหมายพระราชบัญญัติป้องกันการทรมานและบังคับบุคคลสูญหาย จะต้องมีการตั้งกล้องวิดีโอ ถ้าอยู่บนเครื่องบินพาณิชย์ อาจจะไม่สะดวก

“เมื่อกฎหมายใช้บังคับแล้ว ผมเป็นประธานคณะกรรมการอุ้มหายฯ ต้องทำให้ถูกระเบียบ จึงต้องทำให้เกิดความสะดวก ในเรื่องความยุติธรรม ผมไม่ได้มองที่ความสิ้นเปลือง ความยุติธรรมไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ถ้าสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ ไม่มีอะไรที่จะสิ้นเปลือง”

พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยต่อไปถึงการส่งตัว นายเชาวลิต จากกรุงจาการ์ตา ไปยัง จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาแล้วเห็นว่า ในทางปฏิบัติจะต้องมีการฝากขังในคดีที่ นายเชาวลิต หลบหนีจากเรือนจำนครศรีธรรมราช จากการประสานทางศาลทราบว่าในอดีตฝากขังออนไลน์ได้ แต่ จ.นครศรีธรรมราช ไม่มีการฝากขังทางออนไลน์ จึงต้องนำตัว นายเชาวลิต ไปที่ จ.นครศรีธรรมราช และหลังจากนั้นจะฝากขังทางวิดีโอคอลได้

“การเดินทางจากอินโดนีเซีย จึงต้องนำตัวไปที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อความสะดวก จะไม่ไปกรุงเทพมหานครแล้ว พอถึงนครศรีธรรมราช ฝากขังครั้งแรก เสร็จแล้วก็สามารถนำตัวมากรุงเทพฯ ได้ แต่ครั้งแรกต้องไปปรากฏตัวต่อหน้าศาล โดยจะอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช 1 วัน หลังจากนั้นจะไปฝากขังต่อศาล และในวันที่ 6 มิถุนายน 2567 อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กำลังพิจารณาว่าจะนำไปฝากขังที่ใด ซึ่งต้องเป็นเรือนจำความมั่นคง เพราะอดีตเป็นบทเรียน เพราะเหตุการณ์ความผิดพลาดประชาชนขาดความเชื่อมั่น ถ้าเกิดเหตุอีกประชาชนจะตำหนิ เพราะการจับตัว นายเชาวลิต มีความยากลำบากมาก ทำให้เราต้องระมัดระวัง”

รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า พนักงานสอบสวน จ.นครศรีธรรมราช จะสอบสวนคดีหลัก คือคดีหลบหนีเรือนจำและคดีที่ข่มขู่ฯ โดยพนักงานสอบสวนที่ จ.พัทลุง จะมารอสอบปากคำและอายัดตัว พร้อมยื่นคำร้องฝากขังที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่เพื่อความปลอดภัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะพิจารณาว่าไปคุมขังที่ไหน เช่นที่กรุงเทพฯ หรือเรือนจำความมั่นคงสูง แต่ต้องมีการคำนึงถึง 2 ด้าน เพราะครอบครัว นายเชาวลิต ห่วงความปลอดภัยด้วย ยืนยันว่ากรณี นายเชาวลิต จะไม่นำตัวเข้าเรือนจำนครศรีธรรมราช แต่จะอยู่ในการดูแลของตำรวจ พร้อมย้ำว่า ตำรวจสามารถดูแลได้ ไม่ได้นำเข้าเรือนจำ เพราะไม่มีใครมีอิทธิพลมากไปกว่าตำรวจ โดยนายเชาวลิตจะอยู่ในการควบคุมของตำรวจ 1 คืน ซึ่งแผนในการดูแลความสงบเรียบร้อย ทางรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และกรมราชทัณฑ์ ต้องดูแลมาตรการความปลอดภัย

“คดีนี้เราได้เสียงบประมาณเกี่ยวข้องกับการตามจับไปมากแล้ว สิ่งต่างๆ เราต้องหาผู้รับผิดชอบในความบกพร่องที่เกิดขึ้น ต้องตรวจสอบว่าทำไมมีเหตการณ์ที่มีผู้ทรงอิทธิพลได้ อาจจะมีคดีเพิ่ม”

ส่วนวันส่งตัว นายเชาวลิต นั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยและอินโดนีเซีย เชื่อว่าการเดินทางไปจะไม่มีเหตุการณ์ซับซ้อน ถ้ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น จะสามารถป้องกันได้ อีกทั้งได้รับการยืนยันว่าสุขภาพของนายเชาวลิต ไม่มีปัญหา และได้รับการยืนยันจากชุดจับกุมว่าแข็งแรงดี สามารถเดินทางได้ ยืนยันตัวตนว่าเป็นนายเชาวลิตจริง และเจ้าตัวยอมรับด้วยตัวเองว่า “จนมุมแล้ว”

ทางด้าน พล.ต.ท.ภานุรัตน์ กล่าวเสริมว่า นายเชาวลิต เป็นผู้ต้องหาที่ทำลายกระบวนการยุติธรรมของไทย และทำลายความเชื่อมั่นและความศรัทธาของประชาชนคนไทย มีข้อหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ที่สำคัญหลบหนีการจับกุมจากเรือนจำนครศรีธรรมราช กระทรวงยุติธรรมจึงเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาคนนี้มาดำเนินคดี เมื่อสืบทราบว่ามาอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซียได้เพียงแค่ 6 วัน ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียจับกุมได้ ถือว่ามีประสิทธิภาพในการจับกุมตัวสูงสุด ขณะเดียวกัน เห็นตรงกันว่าปัญหายาเสพติดไม่ใช่ปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่ง เป็นปัญหาของภูมิภาคที่ต้องร่วมมือกัน ประสานงานกันอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย และทีมงาน ที่ช่วยกันปราบปรามปัญหาระดับชาติ ส่วนกรณีที่ นายเชาวลิต มีการปลอมบัตรประชาชนโดยใช้ชื่อสุไลมาน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมถึงช่วงที่ พ.ต.อ.ทวี เข้าไปพูดคุยกับ นายเชาวลิต ก่อนการแถลงข่าว ซึ่งนายเชาวลิต บอกว่า “ผมผิด ยอมรับ ไม่ต้องพิจารณาให้มากความ แต่ว่าเรื่องยาเสพติดไม่ใช่ของผมอย่างแน่นอน” ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี ตอบกลับว่า “ในเรื่องนั้นเราจะให้ความเป็นธรรม ไม่ต้องกังวล รวมถึงให้ความเป็นธรรมในสิ่งที่แป้งเคยพูดไว้”

จากนั้นหนึ่งในคณะของ พ.ต.อ.ทวี ได้สอบถามว่าอยู่ที่อินโดนีเซียใครช่วยเหลือ นายเชาวลิต ตอบว่า “ไม่มี ผมก็ไปเรื่อยๆ ของผม พวกเอกสารต่างๆ ก็จ้างคนอาเจะห์ให้ทำ ส่วนที่ไปอยู่คอนโดหรูได้ก็เป็นคนอาเจะห์ที่ปลอมเอกสาร เป็นคนจัดหาที่พักให้”

เมื่อถามว่าคนที่ปลอมเอกสารให้ทำงานอะไร นายเชาวลิต กล่าวตอบว่า “เขามีคอนโด ส่วนเงินในบัญชีที่ใช้ก็เป็นบัญชีของผม” นอกจากนี้ นายเชาวลิต ยังได้ร้องขอกับ พ.ต.อ.ทวี ว่า ขออย่าให้กฎหมายของกรมราชทัณฑ์เป็นเหมือนในสมัยที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะผู้ต้องขังทุกคนก็เป็นคน

นายเชาวลิต ยังพูดกับ พ.ต.อ.ทวี อีกว่า “ผมขอพูดตรงๆ ว่าสุดยอดมากเลย ผมยอมแพ้ (หัวเราะ) และขอยอมรับต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเลยว่าเจ๋งจริง ตามจับกุมผมได้ ผมบินไปบาหลีแล้วยังตามได้อีก ซึ่งผมไปมา 3-4 ประเทศแล้ว” พร้อมยกมือชูนิ้วโป้งทั้ง 2 ข้างให้กับ พ.ต.อ.ทวี โดยพบว่า นายเชาวลิต ขณะพูดมีรอยยิ้ม จากนั้นจึงเซ็นเอกสารรับทราบข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ ระหว่างเซ็นเอกสาร นายเชาวลิต ถูกตำรวจไทยแซวว่า ตำนานมีครั้งเดียว ep.แรก หนีไปไหน เจ้าตัวตอบว่า อินเดีย ส่วน ep.2 อินโดนีเซีย ที่เดียว ขณะเดียวกัน นายเชาวลิต บอกกับตำรวจต่อไปว่า “คนที่บาหลีแจ้งจับผม น้องเขาพอรู้ว่าผมเป็นผู้ต้องหา เขาก็เลยหนีไป เพราะตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นผู้ต้องหาหนีมา”

นายเชาวลิต ยังพูดกับ พ.ต.อ.ทวี อีกว่า “นายโดนหลอกค่าเงินรางวัลนำจับหรือไม่ครับ ใครเป็นคนแจ้ง” ซึ่ง พ.ต.อ.ทวี เอามือลูบไหล่ นายเชาวลิต พร้อมพูดว่า ไม่มีเงินรางวัล เดี๋ยวจะตั้งคนมาดูแล ไม่รังแก ให้ความเป็นธรรม นายเชาวลิต จึงตอบไปว่า “ที่ผมรับสารภาพ ที่ศาลพัทลุง คดีไอ้พวกนั้นถูกทุบหัว ผมวิ่งเข้าไปช่วย นึกว่าคนร้ายวิ่งมา ผมไม่โกหกเลย ถ้าผมพูดอย่าให้มันมีชีวิตอยู่ ผมวิ่งเข้าไปช่วยแล้วยิงปืนขึ้นฟ้า บอกให้เขาหยุด แล้วก็ไปจับมาได้มาส่งตำรวจ แต่ผมถูกจับ ตัดสินตลอดชีวิตคดีนี้” พ.ต.อ.ทวี จึงบอกไปว่า เดี๋ยววันอังคารจะให้สิทธิญาติมาเยี่ยมได้ นายเชาวลิต จึงพูดขึ้นว่า “เมียก็เลิกไปแล้ว ทีนี้ไม่รู้ว่าใครแล้ว” 

จากนั้น พ.ต.อ.ทวี แซวว่าทำไมมาอยู่ที่นี่ แล้วรูปร่างดีหล่อเหลาขึ้นทุกวัน นายเชาวลิต ตอบว่า “ออกกำลังกาย วิ่งในที่ออกกำลังกายของคอนโด มันจะมีที่ออกกำลังกาย วิ่งไปแล้วก็คิดถึงรองสมพงษ์ (พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 9) ตามจับอย่างเดียวเลย คิดไว้แล้ว ฝากตังค์ให้กับน้องผม ทีละหมื่น สองหมื่น ซึ่งน้องผมน่าจะบอกรองสมพงษ์” เมื่อคุยกันเสร็จ นายเชาวลิต ได้ยกมือที่สวมกุญแจมือไหว้ พ.ต.อ.ทวี

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 4 มิถุนายน 2567 เครื่องบิน C130 ของกองทัพอากาศ จะมาถึงที่สนามบินทหาร จากาตาร์ อินโดนีเซีย ประมาณ 12.00 น. และใช้เวลาในขั้นตอนดำเนินการนำตัว นายเชาวลิต ขึ้นเครื่องกลับไปยังประเทศไทย ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจะบินไปยังสนามบินนครศรีธรรมราช ซึ่งคาดว่าจะเดินทางถึงในช่วงค่ำของวันเดียวกัน.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *