พิมพ์ กรกนก นางแบบ-เน็ตไอดอลสาว ลุยเอาผิดคนปล่อยคลิปลับ หลุดว่อนโซเชียล เผยทั้งน้ำตา ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ เตรียมใช้เครื่องมือพิเศษไล่ตรวจทุกช่องทาง

จากกรณีที่ พิมพ์ กรกนก นางแบบ เน็ตไอดอลสาว และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอ เปิดใจชี้แจงถึงเรื่องคลิปลับหลุด ยอมรับว่าเป็นคนในคลิปกับอดีตแฟนหนุ่มจริง รู้สึกเสียใจ และเตรียมดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดกับคนที่นำคลิปดังกล่าวออกมาเผยแพร่ในโซเชียล พร้อมกับขอร้องคนที่พบเจอ อย่าส่งต่อคลิปดังกล่าวนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 13 พ.ค.2567 ที่บก.สอท.1 อาคารศูนย์ราชการ B ถ.แจ้งวัฒนะ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงานพา พิมพ์ กรกนก เข้าพบ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1

พิมพ์ กรกนก นางแบบ-เน็ตไอดอลสาว ลุยเอาผิดคนปล่อยคลิปลับ หลุดว่อนโซเชียล เผยทั้งน้ำตา ทำไมต้องทำกันขนาดนี้

เพื่อแจ้งความดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยคลิปลับส่วนตัวทั้งหมด จนทำให้ได้รับความเสียหาย โดยมีผู้จัดการส่วนตัว และแฟนหนุ่มคนปัจจุบันเดินทางมาด้วยเช่นกัน

พิมพ์ กรกนก กล่าวว่า วันที่คลิปถูกปล่อยนั้น แฟนเก่าโทรมาบอกว่า คลิปดังกล่าว หลุด แต่ไม่รู้ว่าคลิปหลุดได้อย่างไร ยอมรับว่าตอนนั้นตน 50 50 ไม่รู้ว่าต้องเชื่อหรืออย่างไรดี เพราะแฟนเก่าบอกกับตนว่า ไม่มีใครยุ่งกับโทรศัพท์เขา และไม่ได้เอาไปซ่อม ซึ่งภาพในคลิปดังกล่าวก็ชัดเจนว่าเป็นคนนั้นแน่นอน

พิมพ์ กรกนก กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลายคนให้กำลังใจตน อีกทั้งยังมีผู้ใหญ่ช่วยเหลือ ยังมีคนที่เห็นใจตน และให้เกียรติตน ตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนนำคลิปไปปล่อย แต่ก็คิดว่าทำไมต้องใจร้ายกับพิมพ์ขนาดนี้ด้วย

พิมพ์ กรกนก กล่าวต่อว่า ส่วนคนที่แชร์คลิปดังกล่าว ตนเคยบอกไปแล้วว่า ขอความเห็นใจ ช่วยให้เกียรติตนด้วย ส่วนใครเห็นแล้วไม่เข้าไปดู ตนก็จะขอบคุณมาก ตอนนี้รู้สึกสบายใจที่มีผู้ใหญ่อยากเข้ามาช่วยเหลือตน ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ และยืนยันว่าจะดำเนินคดีทุกคนให้ถึงที่สุด

ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า จากกรณีที่ประชาชนและสื่อมวลชนได้รับทราบหลังจากเป็นข่าวมา 2 วัน ซึ่งคลิปที่หลุดไปเป็นคลิปส่วนตัวของน้องพิมพ์ กับแฟนเก่า แต่ไม่ใช่คนที่เป็นชาวเกาหลีตามที่หลายคนคาดเดา แฟนเก่ารายนี้เป็นแฟนที่น้องพิมพ์คบหลังจากเลิกกับแฟนชาวเกาหลีมาได้หลายเดือน

นายเอกภพ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หลังจากคลิปดังกล่าวหลุดออกไป ทางน้องพิมพ์ก็ออกมายอมรับว่าเป็นคลิปของตนเองจริง วันนี้จึงเดินทางมาแจ้งความหลังจากที่น้องพิมพ์ติดต่อมาทางเพจสายไหมต้องรอด เนื่องจากอยากขอความช่วยเหลือ

นายเอกภพ กล่าวอีกว่า ตนจึงได้ประสานมายัง พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ เพื่อขอให้ทางตำรวจไซเบอร์ไล่ตรวจสอบย้อนหลัง ว่าใครคือคนปล่อยคลิปดังกล่าว และมีข้อพิรุธสงสัยอยู่หลายประการ ขณะนี้ก็พอจะทราบแล้วว่าใครเป็นคนปล่อยคลิป ส่วนทางรายละเอียดต้องขอให้ทาง สอท.1 และพนักงานสอบสวนหญิง ดำเนินการต่อไป

นายเอกภพ กล่าวด้วยว่า ตนอยากฝากบอกฝ่ายชายว่า อย่าหิวมาก เพราะจากในคลิปมันไม่เห็นหน้าคุณ เลิกกันไปหลายเดือนแล้ว ไม่เห็นต้องแสดงตัวออกมา ไม่ว่าคุณจะพูดอะไรก็ตามแต่ ตำรวจไซเบอร์ตามได้หมด

นายเอกภพ กล่าวว่า ส่วนใครเห็นคลิปแล้วยังแชร์ อยากให้เห็นใจผู้หญิง เพราะคลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่ถ่ายเอาไว้ตอนที่ยังคบกันไม่ได้ไปยุ่งกับแฟนของคนอื่น เรื่องนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องน่าอายสำหรับผู้ชายที่ปล่อยคลิป

นายเอกภพ กล่าวต่อว่า ตนไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ในเมื่อคุณเป็นคนถ่าย ควรระมัดระวัง ควรให้เกียรติแฟนเก่า ควรลบ การที่อ้างว่าเพื่อนเอาไป หรือแฟนใหม่เอาไป มันฟังไม่ขึ้น มันน่ารังเกียจ อีกทั้งสมัยนี้อัตราโทษสูง ใครแชร์ เตรียมเงินไว้หลักแสนแล้วกัน

ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า สำหรับเคสนี้จะให้พนักงานสอบสวนหญิงเป็นผู้สอบปากคำ ภายหลังจากแจ้งความลงบันทึกประจำวันแล้ว จะให้กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยจะมีการใช้เครื่องมือพิเศษ ตรวจสอบในทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะพวกกลุ่มไลน์เฉพาะ

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวต่อว่า ตนต้องขอเตือน ที่จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 287 (1) เพื่อความประสงค์แห่งการค้า ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โดยจะมีความผิดอยู่สองส่วนด้วยกัน หนึ่งคือผู้ที่นำไปลง สองคือผู้ที่แชร์ ตนต้องขอเตือนสำหรับผู้ที่เห็นคลิปที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เสียหายแล้วยังแชร์ ตนจะกวาดให้หมด ซึ่งจะเข้าข่ายความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 328 หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท

อีกความผิดหนึ่งคือความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (4) นำข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นภาพลามกอนาจาร ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินห้าปีปรับไม่เกิน 100,000 บาท รวมถึงมาตรา 14 (5) เผยแพร่ส่งต่อ โดยรู้อยู่แล้วเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) และ (4) ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินห้าปีปรับไม่เกิน 100,000 บาท

ถ้าปรากฏว่ามีการเก็บค่าเข้ากลุ่ม เพื่อรับชมคลิปหรือภาพลามกอนาจาร อย่างไรก็ตามไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอยากให้เห็นใจผู้เสียหาย และยืนยันว่าจะเร่งคดีให้เร็วที่สุด ขณะนี้เตรียมออกหมายเรียกคนเก่ามาสอบปากคำ และถึงแม้จะลบภาพหรือคลิปในโทรศัพท์ แต่ยืนยันว่าตามได้หมด