เดินสายออกบูธขายของทุกๆ วัน เร่งหาเงินใช้หนี้ อย่างขะมักเขม้น สำหรับนักแสดงตลกชื่อดัง “จั๊กกะบุ๋ม นรเศรษฐ์ ชงทรงกลด” ที่ร่วมออกบูธขายของในงานเปิดตลาด Bravo Night Market ณ Bravo Night Market ย่าน RCA (SHOW DC เก่า)
“เรื่องหนี้สินของแม่ปูนานะครับ ตอนนี้ผมก็ได้ใช้ไปประมาณ 46,000 บาท ก็เหลืออีกประมาณ 240,000 บาทครับ (จะเข้าไปขอขมาแม่ปูนา ได้เข้าไปหรือยัง?) ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนครับ เพราะผมยังยุ่งๆ กับการออกบูธขายของ และหาที่ในการที่จะทำนู่นทำนี่อยู่เรื่อยๆ นะครับ ยังไม่มีเวลา แต่ก็มีการเกริ่นคร่าวๆ ไปแล้วว่าถ้ามีโอกาสจะเข้าไปแน่นอนครับ”
ความเครียดยังมีขนาดไหนตอนนี้? “ช่วงแรกๆ เครียดครับ แต่มันก็คลายความกังวลหลังจากที่ได้รับความเมตตาจากพ่อเป็ด เชิญยิ้ม ได้รับความเมตตาจากพี่ๆ ที่ได้เปิดโอกาสให้ผมได้มีพื้นที่ในการค้าขาย เพื่อจะนำเงินมาคืน มาใช้หนี้ใช้สิน วันนี้ผมก็มีโอกาสได้มาที่ Bravo BKK ก็มาออกบูธ เปิดร้าน ผมก็จะหารายได้นำเงินไปคืน เพราะฉะนั้นความเครียดของผมบอกได้เลยว่าไม่มี เพราะโฟกัสที่ทำมาหากินอย่างเดียวเลยตอนนี้ครับ”
ตอนนี้ภาวะการเงิน รายได้เป็นยังไงบ้าง? “ก็ได้ทุกวันครับ แต่เป็นการได้ที่สามารถทยอยใช้หนี้นอกจากแม่ปูนาแล้วก็มีท่านอื่นด้วย เพราะผมก็มีหลายท่านที่ผมหยิบยืมเขามา เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากแม่ปูนา ผมก็ทยอยใช้ท่านอื่นด้วย รวมถึงหนี้ที่เป็นหนี้นอกระบบด้วยครับ”
ของแม่ปูนาเราวางแผนคืนยังไงบ้าง? “ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้าขายของดีๆ จากงานเชิญยิ้ม เชิญอร่อย หรือ งานผู้หญิงทำมาหากิน ก็ดี ผมคิดว่าน่าจะอีกไม่เกิน 2-3 งาน จะหมดหนี้ของแม่ปูนาแน่นอน ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับพ่อแม่พี่น้องที่เห็นผมไปขายปลาร้าทอดมาอุดหนุนผม ก็อยากบอกให้ทราบเลยว่าเงินทั้งหมดไม่ได้เอาไปไหนครับ ใช้หนี้ทุกบาททุกสตางค์แน่นอนครับ”
ในโลกโซเชียลก็ยังมีคนมาคอมเมนต์ต่อว่าอยู่? “คือผมก็ต้องน้อมรับในทุกๆ คอมเมนต์ ในทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตผม แต่สิ่งที่ทำให้ผมอยู่ได้ก็คือสติอย่างเดียวตอนนี้ อย่างที่บอกว่าผมโฟกัสเรื่องการทำมาหากิน เพราะฉะนั้นอะไรที่ผมมองแล้วว่ามันจะเป็นพลังงานลบให้กับผม ผมจะไม่มองเลย ผมจะมองพี่ๆ มองเพื่อนๆ มองผู้ใหญ่ มองทุกคนที่ให้โอกาสผม และผมก็คว้าโอกาสนั้นไว้มาลบคำสบประมาท มาลบคำดูถูก ลบทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นกับตัวผมด้วยตัวของผมเองนี่แหละ แต่ก็ต้องขอบคุณพวกคอมเมนต์ด้วย ผมถือว่ามันก็เป็นพลังงานที่ทำให้ผมมีพลังในการต่อสู้มากขึ้นครับ”
ฟีตแบ็กจากคนที่มาเดินในงานที่เราขายของเป็นยังไง? “ตั้งแต่ผมขายของมา สิ่งที่ทำให้ผมมีกำลังใจในการขายของก็คือความเมตตาของพ่อแม่พี่น้องเอฟซีทุกคนที่เข้ามาหาผม ทุกคนเข้ามากอด บางคนเข้ามาร้องไห้ก็มี บางคนเข้ามายืนจับมือให้กำลังใจ บอกว่าขับรถมาจากที่นี่ๆ เพื่อมาซื้อ มาเป็นกำลังใจให้จั๊กกะบุ๋ม นี่แหละที่ผมบอกว่ามันเป็นพลังบวกสำหรับผม ผมคิดว่าผมไม่ต้องการอะไรแล้ว ขอคนที่เข้าใจผม เข้าใจเจตนาผม เข้าใจในตัวผม สนับสนุนผมด้วยเรื่องแค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้รับฟีตแบ็กที่ดีกว่าไม่ดีเวลาที่ผมขายของ หรือมาเจอคนจริงๆ มาเจอพี่ๆ น้องๆ ประชาชนเอฟซีจริงๆ ส่วนมากผมจะได้กำลังใจครับ”
มีบ้างไหมที่เข้าต่อว่าหรือมองเราไม่ดี? “ไม่มีครับ ผมกล้าพูดเลย ส่วนมากจะเป็นพลังงานบวกที่มาให้กำลังใจ มากอด ถ่ายรูปคู่บอกสู้ๆ นะ เป็นกำลังใจให้นะ ผมคิดว่าคนที่ตกอยู่ในสภาวะเดียวกับผมในประเทศนี้ผมว่ายังมีอีกหลายคน เพียงแต่ว่าวันนี้มันเป็นจั๊กกะบุ๋ม มันเป็นสิ่งที่ผมทำผิดพลาดไป ตัวอย่างแบบผมเป็นตัวอย่าวที่ไม่ดีหรอก ก็ไม่อยากให้คนอื่นมาเลียนแบบในพฤติกรรมของผม แต่ผมจะไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้ให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว นี่คือช่วงเวลาที่ผมปรับปรุง ช่วงเวลาที่ผมใช้โอกาสทีได้รับมาให้ดีที่สุดจากผู้ใหญ่ จากใครหลายๆ คน มันเป็นโอกาสสุดท้ายของผมแล้วครับ”
ชีวิตจริงที่เจอกับโลกโซเชียลไม่เหมือนกันเลย? “ไม่เหมือนครับ (ยิ้ม) ในโลกโซเชียลก็มีพวกคอมเมนต์ด่าเยอะ ก็เคยอ่าน แต่ผมรู้สึกว่าถ้าผมแบกคอมเมนต์เหล่านั้นเอาไว้ ผมหนักนะ มันจะทำให้ผมไม่มีกำลังใจอะไรเลย ผมเลยตัดสินใจวางทุกอย่างหมดเลย แล้วเลือกที่จะไม่สนใจ เลือกที่จะมองในมุมบวก มองพลังงานดีๆ และเดินหน้าต่อ ผมมีความสุขต่อ
ผมวางแล้วผมก็รู้สึกเบา ผมไม่สนใจคอมเมนต์ เพราะผมไม่เห็นตัวเขา ผมไม่เจอหน้าเขา แต่ถ้าเดินมาด่าผมที่หน้าบูธ ผมรับนะ เดินมาเลย มาชี้หน้าด่าผมว่าผมผิดอะไร อย่างนี้มันเป็นการต่อสู้กันต่อหน้ามากกว่า ถ้าจะทำร้ายผมด้วยคำพูด ผมก็ต้องขอขอบคุณ ทำร้ายผมด้วยคอมเมนต์ต่างๆ นานาผมก็ต้องขอบคุณ ผมถือว่าคุณเป็นแรงผลักดันให้ผมแล้วกัน แต่ผมมีพลังงานบวกจากทางอื่นมา ผมใช้พลังงานบวกนี้แหละครับในการต่อสู้และดิ้นรน”
ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพูดคุยกับแม่ปูนาเพิ่มเติมไหม? “กับแม่ปูนายังไม่มีโอกาสได้คุย ยังไม่ได้มีโอกาสได้สื่อสาร มีแต่ส่งสลิปบอกว่าใช้หนี้ไปแล้วนะ ใช้เงินเท่านี้นะ ยืนยันสลิปไปเท่านี้นะ แม่ก็ตอบกลับมาว่าขอบคุณค่ะ ก็มีการตอบกลับกันมาดีๆ นี่แหละครับ ไม่มีอะไร เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว มันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว ตอนนี้ผมก็ต้องทำให้หมดหนี้ของแม่ปูนาและคนอื่นๆ ให้เร็วที่สุด”
มีเจ้าหนี้อื่นๆ มาเร่งรัดอีกไหม? “ไม่มีครับ ทุกคนเข้าใจผม ผมก็สื่อสารกับบางท่านไปด้วยว่ารอนะ บางคนก็มีถามมาบ้าง เราก็ชี้แจงให้ฟังว่าเริ่มได้เมื่อไหร่ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เข้ามาหาผมตอนนี้มันกระจายไปหมด ผมไม่ได้เก็บเอาไว้เพื่อความสบายส่วนตัวเลย มันกระจาย เพราะมันหลายคนมากๆ ครับ”
อย่างคอมเมนต์ที่บอกว่าเราติดการพนันหรือเปล่า เราคิดยังไง จะฟ้องมั้ย? “ไม่หรอกครับ ไม่รู้จะฟ้องเขาเอาอะไร เอาเวลาที่จะไปนั่งฟ้องร้องเขามาทำมาหากินดีกว่าครับ และอยากจะขอยืนยันอีกทีนะครับว่าเงินที่หมดไป มันหมดไปจากการที่ผมมักใหญ่ใฝ่สูง อยากจะทำธุรกิจเพื่อให้ได้เงินมาก้อนใหญ่ๆ ชีวิตผมอยากสบาย
ผมก็ดิ้นรนมาทั้งชีวิตแล้ว แต่บังเอิญการวางแผนระบบการเงินของผมมันผิดพลาดนิดหน่อย มันทำให้ผมล้ม ทำให้ผมติดขัดเรื่องการเงินตรงนี้แหละ เรื่องการพนัน เรื่องยาเสพติด 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีครับ เช็คประวัติผมได้ ผมไม่เคยมีเรื่องนี้เลย จะมาปั่นว่าผมไปเล่นสล็อต ผมยังไม่รู้จักเลยสล็อตคืออะไร ผมไม่รู้จักว่าไอ้การพนันที่เขากำลังพูดถึงมันคืออะไร ไม่มีแน่นอนครับ 100 เปอร์เซ็นต์”
งานในวงการหรือไปออกรายการต่างๆ มีไหม? “ก็มีรายการที่เขาติดต่อมาบ้างครับ แต่ผมกลัวว่าการไปออกรายการของพี่ๆ เขาจะส่งผลกระทบเรื่องความเสียหาย มีคนเข้ามาคอมเมนต์นั่นนี่ ก็เลยตัดสินใจไม่รับดีกว่า ตอนนี้ผมก็ขายของตอนกลางวัน ถ้าไม่ได้มาที่ห้าง Bravo BKK ผมก็อยู่ที่อาศรมฤาษีเณร ท่าพุทธคุณ ถ้าไม่ได้ไปออกบูธเชิญยิ้ม เชิญอร่อย หรืองานผู้หญิงทำมาหากิน กลางคืนผมก็ร้องเพลงตามผับ เล่นดนตรี เสร็จประมาณตี2-ตี3 นอน เช้ามืดก็ตื่น ลูปชีวิตผมจะเป็นอย่างนี้ทุกวัน”
พวกงานแสดงก็ยังไม่กล้ารับ? “ผมว่าผู้ใหญ่ยังไม่กล้าที่จะให้ผมรับมากกว่า (ยิ้ม) ก็ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้ซีเรียส เพราะรู้ว่าข่าวที่มันเสียหายเกี่ยวกับตัวผม มันเป็นฟีตแบ็คที่ส่งผลกระทบให้กับทุกคนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรจริงๆ ผมก็เลือกที่จะดิ้นรนทางอื่นได้ ขอบคุณสำหรับโอกาสถ้าจะมีมาให้ผม ผมก็ยินดีที่จะรับครับ”
ยืนยันว่าครั้งนี้จะไม่ทำให้อาเป็ด เชิญยิ้มผิดหวัง? “ไม่แน่นอนครับ นี่คือครั้งสุดท้ายในชีวิตผมแล้ว เป็นโอกาสสุดท้ายของชีวิตผม หนี้สินผมก็มีไม่ได้มาก ประมาณ 4-5 แสน ผมคิดว่าถ้าผมมีความตั้งใจที่จะใช้หนี้จริงๆ ก่อนหน้านี้มันทำไม่ได้ เพราะว่ามันติดปัญหาในการไปออกบูธ ขายของมันก็ขาดทุน ก็เลยทำให้การให้เงินคนอื่นมันช้าลง แต่ตอนนี้มันเริ่มมีโอกาสดีๆ เข้ามา ผมคิดว่าน่าจะใช้เวลาอีกไม่นานครับ”
มีผู้ใหญ่ยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องเงินบางไหม? “มีติดต่อเข้ามา แต่เลือกที่จะปฎิเสธครับ ผมอยากจะใช้ความสามารถของผมเอง อยากจะใช้หยาดเหงื่อแรงกายของผมเองดิ้นรนทำมาหากิน เพราะผมถือว่ามันไม่ได้เป็นงานหนักหนาสาหัสอะไรกับการออกมาขายของ ได้เงินมาก็รีบให้ไป ได้มาได้น้อยให้เขาไป ผมคิดว่าใช้เวลาไม่นานแน่นอน”
ตอนนี้ยอดหนี้แต่ละวันที่ต้องส่งมีเท่าไหร่? “ยอดหนี้ตอนนี้ที่ต้องส่งถ้ารวมรายวันที่เป็นนอกระบบด้วย กลมๆ อยู่ประมาณวันละ 5 พันบาท ที่ต้องหาให้ได้ครับ ลดลงจากเดิมไปเยอะมาก ก็บอกกับหนี้นอกระบบเลยว่าผมพร้อมส่งได้เท่านี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ผมส่งวันละ 4 หมื่นผมส่งจริง ส่งเกือบๆ วันละ 5 หมื่นด้วยซ้ำ ส่งจนผมส่งไม่ไหวแล้ว ส่งจนผมเหนื่อยแล้ว ไม่รู้จะหมุนเงินจากทางไหน ไม่รู้จะยืมใครแล้ว จนต้องส่งข้อความไปว่าตอนนี้ผมไหวเท่านี้ ผมได้เท่านี้ แต่ผมไม่หนีนะ มีเท่านี้ ให้เท่านี้ แต่หมดแน่นอน ค่อยๆ ทยอย ผมก็จะส่งจนกว่าผมจะส่งหมด ก็ยืดระยะเวลาออกไป แต่ลดยอดลงมา จากวันละ 4 หมื่นกว่าๆ เหลือ 2 หมื่น ก็ค่อยๆ ลด จนตอนนี้เหลือเกือบๆ 5 พัน ผมคิดว่าน่าจะทำให้ผมหายใจหายคอได้ดีกว่าเดิม ก็ถือว่าโอเคอยู่ครับ”